คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๑/๒๕๖๒
จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์เมื่อวันที่
๘ สิงหาคม ๒๕๕๖ โดยมีจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ทำสัญญาค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม
เมื่อจำเลยที่ ๑ ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดที่ ๒๗ เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘
ถือได้ว่าลูกหนี้ผิดนัดนับแต่วันที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
และตาม มาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่า บทบัญญัติของพระราชบัญญัตินี้ไม่กระทบกระเทือนถึงสัญญาที่จะทำไปก่อนที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
และมาตรา ๑๙ บัญญัติว่า ในกรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
สิทธิและหน้าที่ของเจ้าหนี้และผู้ค้ำประกันให้เป็นไปตามมาตรา ๖๘๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้
โดยบัญญัติว่า เมื่อลูกหนี้ผิดนัดให้เจ้าหนี้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายใน
๖๐ วัน นับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด และไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใดเจ้าหนี้จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ก่อนที่หนังสือบอกกล่าวจะไปถึงผู้ค้ำประกันมิได้
โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยที่ ๒ ถึงที่
๔ ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน ทราบถึงการผิดนัดของจำเลยที่ ๑ ลูกหนี้เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา
๖๐ วันนับแต่วันที่จำเลยที่ ๑ ผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๘๖
วรรคหนึ่งย่อมทำให้จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ในฐานะผู้ค้ำประกัน
หลุดพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้ตามมาตรา
๖๘๖ วรรคสอง อันได้แก่ ค่าขาดประโยชน์ แต่ในส่วนของการส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์เป็นหนี้ประธานรวมทั้งถ้าส่งมอบรถยนต์คืนไม่ได้
การใช้ราคาแทนย่อมเป็นหนี้ประธานด้วยเช่นกัน แม้โจทก์จะไม่ได้บอกกล่าวไปยังจำเลยที่
๒ ถึง ที่ ๔ ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๖๘๖ วรรคหนึ่ง จำเลยที่
๒ ถึงที่ ๔ ยังคงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ในการส่งมอบรถคันที่เช่าซื้อและหากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทน
เพิ่มเติม
หนี้อุปกรณ์ที่เกิดขึ้นหลัง
๖๐ วันนับแต่ลูกหนี้ผิดนัด ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิด
แต่ถ้าเป็นหนี้ประธานผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๖๘๖
เมื่อลูกหนี้ผิดนัด ให้เจ้าหนี้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด และไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใดเจ้าหนี้จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ก่อนที่
หนังสือบอกกล่าวจะไปถึงผู้ค้ำประกันมิได้ แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ค้ำประกันที่จะชำระหนี้เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ
ในกรณีที่เจ้าหนี้มิได้มีหนังสือบอกกล่าวภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง
ให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทน
ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้น บรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังจากพ้นกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง
เมื่อเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้หรือผู้ค้ำประกันมีสิทธิชำระหนี้ได้ตามวรรคหนึ่ง
ผู้ค้ำประกันอาจชำระหนี้ทั้งหมดหรือใช้สิทธิชำระหนี้ตามเงื่อนไขและวิธีการในการชำระหนี้ที่ลูกหนี้มีอยู่กับเจ้าหนี้ก่อนการผิดนัดชำระหนี้
ทั้งนี้ เฉพาะในส่วนที่ตนต้องรับผิดก็ได้ และให้นำความในมาตรา ๗๐๑ วรรคสอง
มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ในระหว่างที่ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ตามเงื่อนไขและวิธีการในการชำระหนี้ของลูกหนี้ตามวรรคสาม เจ้าหนี้จะเรียกดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพราะเหตุที่ลูกหนี้ผิดนัดในระหว่างนั้นมิได้ การชำระหนี้ของผู้ค้ำประกันตามมาตรานี้ ไม่กระทบกระเทือนสิทธิของผู้ค้ำประกันตามมาตรา ๖๙๓
0 Comments
แสดงความคิดเห็น