คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๓๔๐/๒๕๖๒
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเข้าร่วมประชุมใหญ่วิสามัญและยอมรับต่อที่ประชุมว่าจำเลยยืมเงินโจทก์ไปจำนวน
๖,๑๐๐,๐๐๐ บาท และจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ภายใน
๑ เดือน แต่เมื่อถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระ โจทก์ให้ทนายความมีหนังสือทวงถามแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย
ขอให้จำเลยชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ย คำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่ารายงานการประชุมใหญ่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินซึ่งจำเลยต้องรับผิด
แต่เป็นคำฟ้องที่โจทก์อาศัยมูลเหตุแห่งการรับสภาพหนี้ของจำเลย
ตามรายงานการประชุมใหญ่วิสามัญเป็นสำคัญ อันเป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์
จำเลยแถลงยอมรับต่อที่ประชุมใหญ่วิสามัญว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไปจำนวน
๖,๑๐๐,๐๐๐ บาท และจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ภายใน ๑ เดือน
โดยมิได้โต้แย้งเป็นอย่างอื่น และจำเลยลงลายมือชื่อยอมรับ ความถูกต้องของสำเนารายงานการประชุมใหญ่โดยมิได้คิดเอื้อน
ดังนี้ เป็นลักษณะของการรับสภาพหนี้ต่อโจทก์เจ้าหนี้หรือเป็นการกระทำใด ๆ
อันปราศจากข้อสงสัยเป็นปริยายว่าจำเลยยอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๑) สำเนารายงานการประชุมใหญ่วิสามัญจึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ตามกฎหมาย
แม้จำเลยเป็นกรรมการคนหนึ่งของโจทก์
แต่การประชุมใหญ่วิสามัญมิใช่เป็นการประชุมคณะกรรมการของโจทก์โดยเป็นการประชุมผู้ถือหุ้น
ซึ่งจำเลยก็เข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้น ทั้งการยอมรับและการลงลายมือชื่อในสำเนารายงานการประชุมใหญ่จำเลยกระทำไปในฐานะผู้ถือหุ้นและฐานะส่วนตัวในวาระเดียวกันจำเลยย่อมไม่อาจปฏิเสธความรับผิดตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่ทำไว้กับโจทก์ได้
ตามฎีกานี้
จำเลยฎีกาประเด็นแรกว่า ศาลอุทธรณ์พิจารณาพยานหลักฐานแล้วเห็นว่ารายงานการประชุมใหญ่วิสามัญเป็นหนังสือรับสภาพหนี้
และพิพากษาให้จำเลยรับผิดตามฟ้อง
เป็นการวินิจฉัยและมีคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยฎีกาประเด็นต่อมาว่า
สำเนารายงานการประชุมใหญ่วิสามัญเป็นหนังสือรับสภาพหนี้หรือไม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๙๓/๑๔
อายุความย่อมสะดุดหยุดลงในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องโดยทำเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ให้ ชำระหนี้ให้บางส่วน ชำระดอกเบี้ย ให้ประกัน หรือกระทำการใด ๆ อันปราศจากข้อสงสัยแสดงให้เห็นเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง
0 Comments
แสดงความคิดเห็น