คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๒๓๗๗/๒๕๕๘
สัญญาประกันภัยเกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงเจตนาทำคำเสนอคำสนองถูกต้องตรงกัน
ตามคำขอเอาประกันภัยรถยนต์ ระบุว่า อ. ขอเอาประกันภัยรถยนต์เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม
๒๕๕๑ โดยมีความประสงค์ให้กรมธรรม์มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๑ ถึงวันที่
๙ กรกฎาคม ๒๕๕๒ แม้ตามกรมธรรม์จะระบุวันทำสัญญาประกันภัยวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๑ แต่การที่โจทก์ยินยอมระบุให้ระยะเวลาประกันภัยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่
๙ กรกฎาคม ๒๕๕๑ สิ้นสุดวันที่ ๙ กรกฎาคม
๒๕๕๒ ตามคำขอเอาประกันภัยของ อ.
ถือได้ว่าเป็นค่าสนองตอบรับค่าเสนอตั้งแต่วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๑ สัญญาประกันภัยจึงเกิดขึ้นและมีผลบังคับตั้งแต่วันที่
๙ กรกฎาคม ๒๕๕๑ สัญญาหาได้เกิดขึ้น ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม
๒๕๕๑ ไม่
เมื่อเหตุละเมิดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม
๒๕๕๑ จึงเกิดขึ้นในระยะเวลาประกันภัย ส่วนการออกกรมธรรม์ประกันภัยเมื่อวันที่
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เป็นเพียงหลักฐานเป็นหนังสือเพื่อการฟ้องร้องบังคับคดี
ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๘๖๗ วันที่ออกกรมธรรม์ประกันภัยเป็นเวลาภายหลังจากที่สัญญาประกันภัยเกิดขึ้นแล้ว
เมื่อรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยได้รับความเสียหายในระยะเวลาที่สัญญาประกันภัยมีผลบังคับและโจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายต่อรถยนต์แล้ว
โจทก์ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยมาเรียกร้องให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ได้
เพิ่มเติม
การติดต่อขอทำสัญญาประกันภัย
ถือว่าเป็นคำเสนอ เมื่อบริษัทรับประกันภัยหรือตัวแทนให้กรอกรายละเอียดข้อมูลลงในคำขอเอาประกันประกัน
คำขอเอาประกันภัย ถือได้ว่าเป็นคำสนอง สัญญาประกันภัยจึงเกิดขึ้นตามฎีกาที่
๑๒๓๗๗/๒๕๕๘
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๘๖๗
อันสัญญาประกันภัยนั้น
ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ
ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
ให้ส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยอันมีเนื้อความต้องตามสัญญานั้นแก่ผู้เอาประกันภัยฉบับหนึ่ง
กรมธรรม์ประกันภัย
ต้องลงลายมือชื่อของผู้รับประกันภัยและมีรายการ ดังต่อไปนี้
(๑)
วัตถุที่เอาประกันภัย
(๒)
ภัยใดซึ่งผู้รับประกันภัยรับเสียง
(๓)
ราคาแห่งมูลประกันภัย ถ้าหากได้กำหนดกันไว้
(๔) จำนวนเงินซึ่งเอาประกันภัย
(๕) จำนวนเบี้ยประกันภัย
และวิธีส่งเบี้ยประกันภัย
(๖)
ถ้าหากสัญญาประกันภัยมีกำหนดเวลา ต้องลงเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดไว้ด้วย
(๗)
ชื่อหรือยี่ห้อของผู้รับประกันภัย
(๘) ชื่อหรือยี่ห้อของผู้เอาประกันภัย
(๙) ชื่อของผู้รับประโยชน์
ถ้าจะพึงมี
(๑๐) วันทำสัญญาประกันภัย
(๑๑) สถานที่และวันที่ได้ทำกรมธรรม์ประกันภัย
0 Comments
แสดงความคิดเห็น