คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๙๘๒/๒๕๖๒
ผู้เสียหายที่ ๒
มาหาจำ เลยเองด้วยความเต็มใจ จำ เลยมิได้พาผู้เสียหายที่ ๒ มา
อีกทั้งมิได้เหนี่ยวรั้งผู้เสียหายที่ ๒ไว้ เช่นนี้ถือไม่ได้ว่า จำ เลยมีการกระทำ ประการใดอันเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เสียหายที่
๒ไปเสียจากผู้เสียหายที่ ๑ ซึ่งจะกระทบกระเทือนต่ออำ นาจปกครองของผู้เสียหายที่ ๑ จำ เลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๗ วรรคสาม
และไม่มีความผิดฐานพาผู้เสียหายที่ ๒ เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร
ตามฎีกานี้
ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยอุ้มพาผู้เสียหายที่ ๒ ไปที่อื่นหลังจากผู้เสียหายที่
๒ วิ่งมาหา จำเลยล่วงเกินทางเพศผู้เสียหายที่ ๒ ตรงบริเวณที่พบผู้เสียหายที่ ๒
เพิ่มเติม
ฎีกาที่๑๐๒๘๔/๒๕๕๓
“พราก” หมายความว่าพาไป แยกเด็กออกไป จากอำนาจปกครองดูแลโดยไม่จำกัดว่าจะกระทำด้วยวิธีใดทำให้อำนาจปกครองดูแลของบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็ก
ถูกรบกวนหรือถูกกระทบกระเทือนโดยบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กไม่รู้เห็นยินยอมด้วย
อันเป็นการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล
ฎีกาที่
๒๘๕๘/๒๕๔๐ การพรากอาจเป็นการพาไปชั่วคราวก็ได้ เช่น เพียง ๕ ชั่วโมง(ฎีกาที่
๑๖๐๕/๒๕๒๓)
ไม่ต้องพาให้พ้นไปเลย
แม้ในที่สุดจะนำตัวกลับมาคืนก็เป็นความจำผิด
การพรากไม่จำต้องมีการหลอกลวงเด็กแต่อย่างใดเพียงแต่ชักชวนและแนะนำเด็กให้ไปด้วย
โดยไม่ได้หลอกแต่เด็กเต็มใจไปด้วยก็เป็นการพรากแล้ว(ฎีกาที่ ๒๘๕๘/๒๕๔๐)
ฎีกาที่ ๙๔/๒๕๖๐
ม. ชักชวนผู้เสียหายที่ ๑ ไปที่บ้านของจำเลย โดยจำเลยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
แม้จำเลยกระทำอนาจารผู้เสียหายที่ ๑ โดยชวนผู้เสียหายที่ ๑
เข้าไปในห้องนอนภายในบ้านของจำเลย ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากผู้เสียหายที่
๒ ซึ่งเป็นมารดาของผู้เสียหายที่ ๑
หรือมีการกระทำอันเป็นการกระทบกระเทือนหรือรบกวนต่ออำนาจปกครองหรือสิทธิต่อหน้าที่ตามกฎหมายของผู้เสียหายที่
๒ อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๗ วรรคแรก เพราะผู้เสียหายที่ ๑
ซึ่งมีอายุ ๑๔ ปีแล้ว
ย่อมมีอิสระตัดสินใจได้เองตามสมควรจะเข้าไปในห้องนอนของจำเลยหรือไม่
มิใช่ว่าไม่ว่าผู้ใดชวนผู้เสียหายที่ ๑
ไปที่ใดหรือเข้าไปภายในหรือบริเวณใดของบ้านหรือสถานที่ธรรมดาทั่วไปก็ต้องขอหรือกลับไปขอความยินยอมจากผู้เสียหายที่
๒ ทุกครั้งไป
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๑๗ ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร
พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ผู้ใดโดยทุจริต
ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวเด็กซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก
ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
0 Comments
แสดงความคิดเห็น