คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๐๘๗/๒๕๖๒
โจทก์ร่วมที่ ๑ ไปที่กระท่อมของจำเลย จำเลยข่มขู่โจทก์ร่วมที่
๑ ไม่ให้ออกจากกระท่อม เพื่อต้องการกระทำชำเราโจทก์ร่วมที่ ๑ โดยโจทก์ร่วมที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้ปกครองไม่ทราบเรื่องและไม่ยินยอมให้โจทก์ร่วมที่
๑ อยู่ภายในกระท่อมกับจำเลย ทั้งนี้ ไม่ว่าโจทก์ร่วมที่ ๑ ซึ่งยังเป็นเด็กอยู่ที่ใด หากบิดา มารดา
ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลยังเอาใจใส่เด็กย่อมอยู่ในอำนาจปกครองของบิดา มารดา
ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลตลอดเวลา การที่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ร่วมที่ ๑ ออกจากกระท่อมของจำเลย เป็นการแยกอำนาจปกครองโจทก์ร่วมที่ ๑ ออกจาก
โจทก์ร่วมที่ ๒ แม้เพียงชั่วคราวก็เป็นการพรากผู้เยาว์
เมื่อจำเลยพรากโจทก์ร่วมที่
๑ ไปจากโจทก์ร่วมที่ ๒ แล้วกระทำชำเราโจทก์ร่วมที่
๑ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร
เปรียบเทียบฎีกาที่ ๒๙๘๒/๒๕๖๒
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๑๗ ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร
พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ผู้ใดโดยทุจริต
ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวเด็กซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก
ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำเพื่อหากำไร
หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี
และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
0 Comments
แสดงความคิดเห็น