คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๘๗๔/๒๕๖๒ 

               ข้อตกลงตามบันทึกข้อตกลงและหนังสือรับรองประกันภัยกำหนดความคุ้มครอง คือ จำเลยที่ ๔ ผู้รับประกันภัยตกลงจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนนามของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ผู้ค้ำประกันกับโจทก์ผู้ให้กู้สำหรับจำนวนเงินกู้ที่ค้างชำระเกินกว่าสองงวดติดต่อกันตามสัญญาค้ำประกันที่ตกลงกันไว้ (รวมดอกเบี้ย) และจำเลยที่ ๑ ผู้กู้พ้นสภาพจากการเป็นสมาชิกของผู้ให้กู้แล้ว ดังนั้นหนี้ซึ่งจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ต้องรับผิดชำระแก่โจทก์ตามสัญญาค้ำประกันเป็นเงื่อนไขที่จำเลยที่ ๔ จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ในนามจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เงื่อนไขความรับผิดระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๔ จึงมีลักษณะเป็นนิติกรรมสัญญาอย่างหนึ่ง ซึ่งจำเลยที่ ๔ ตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในเหตุอย่างอื่นในอนาคตหากมีการกระทำอันเป็นการผิดสัญญาอันเป็นสัญญาประกันภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๖๑ มิใช่ กรณีเมื่อเกิดวินาศภัยตามมาตรา ๘๖๙ ขึ้นจึงมิใช่สัญญาประกันวินาศภัย

               ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติเกี่ยวกับการประกัน วินาศภัยไว้ในลักษณะ ๒๐ หมวด ๒ และมีบัญญัติเกี่ยวกับอายุความ ในการเรียกให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไว้เป็นการเฉพาะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๘๒ วรรคหนึ่ง คือ ห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดสองปีนับแต่วันวินาศภัย แต่ในกรณีของสัญญาประกันภัยในเหตุแห่งการผิดสัญญาอันเป็นเรื่องในอนาคต ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือกฎหมายอื่นมิได้บัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีอายุความ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๐ โดยนับแต่เวลาผู้เอาประกันอาจใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันภัยได้ตามมาตรา ๑๙๓/๑๒

               โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยที่ ๔ ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาได้ ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพียง ๒๐๐ บาท มิใช่ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ฟ้อง

 

เพิ่มเติม

               สัญญาประกันภัยเป็นนิติกรรมที่ไม่มีแบบ

               ฎีกาที่ ๕๑๓๓/๒๕๔๒ สัญญาประกันภัย กฎหมายมิกำหนดแบบแห่งนิติกรรมไว้ เพียงแต่บังคับให้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือตัวแทนเป็นสำคัญ มิฉะนั้นจะฟ้องร้องบังคับคดีมิได้

 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

               มาตรา ๘๖๑ อันว่าสัญญาประกันภัยนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือใช้เงินจำนวนหนึ่งให้ในกรณีวินาศภัยหากมีขึ้น หรือในเหตุอย่างอื่นในอนาคตดังได้ระบุไว้ในสัญญา และในการนี้บุคคลอีกคนหนึ่งตกลงจะส่งเงินซึ่งเรียกว่า เบี้ยประกันภัย

               มาตรา ๘๖๙ อันคำว่าวินาศภัยในหมวดนี้ ท่านหมายรวมเอาความเสียหายอย่างใด ๆ บรรดาซึ่งจะพึงประมาณเป็นเงินได้