คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๖๘๒/๒๕๖๒ 


               จำเลยบอกกับโจทก์ทั้งสามว่าสามารถช่วยเหลือให้เข้ารับราชการครู แม้จำเลยบอกว่าจะนำเงินไปมอบแก่ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อให้มีการเปิดสอบภายในของสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษา แต่ไม่ปรากฏว่าผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามีอำนาจหน้าที่กระทำการตามที่จำเลยกล่าวอ้างประกอบกับการเปิดสอบเพื่อให้เข้ารับราชการเป็นการคัดเลือกบุคคลเพื่อเข้ารับราชการตามปกติ การกระทำของจำเลยเป็นเพียงอุบายของจำเลยที่อ้างว่าจะใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือโจทก์ทั้งสามให้เข้ารับราชการครูได้ตามที่จำเลยบอกโจทก์ทั้งสาม เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสามให้เงินแก่จำเลยเพื่อให้จำเลยนำไปให้แก่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ จึงไม่ถือว่าโจทก์ทั้งสามมีส่วนร่วมในการใช้ให้เจ้าพนักงานกระทำความผิด เมื่อโจทก์ทั้งสามได้รับความเสียหายจากการหลงเชื่อจำเลย โจทก์ทั้งสามย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายมีอำนาจฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกง

 

เพิ่มเติม

               หากเป็นการมอบเงินให้โดยให้มีการทุจริตต่อหน้าที่ ไม่เป็นผู้เสียหาย ดูฎีกาที่ ๒๐๗๗/๒๕๖๐

               ฎีกาที่ ๒๐๗๗/๒๕๖๐ โจทก์มอบเงินจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่จำเลย ก็เพราะจำเลยอ้างว่าจะนำไปให้เจ้าพนักงานตำรวจยศระดับพลตำรวจตรี ๒ คน เพื่อช่วยเหลือให้ ร. สามารถสอบเข้ารับราชการตำรวจได้ ซึ่งโจทก์ย่อมจะต้องทราบดีว่า ร. จะเข้ารับราชการตำรวจได้ต้องผ่านการสอบคัดเลือก โดยการสอบคัดเลือกเป็นระเบียบแบบแผนของทางราชการที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีคุณสมบัติสามารถสมัครสอบได้โดยเสรี และที่สำคัญการจัดสอบจะต้องยุติธรรมเพื่อที่ทางราชการจะได้คนมีความสามารถ อันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน หากมีการช่วยเหลือบุคคลใดบุคคลหนึ่งให้สามารถสอบผ่านแสดงว่ามีการกระทำอันเป็นการทุจริตเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ก่อให้จำเลยกระทำความผิด โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยตาม ป.วิ.อ.มาตรา ๒(๔) ไม่มีอำนาจฟ้อง

               ตามฎีกาที่ ๕๖๘๒/๒๕๖๒ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสามให้เงินแก่จำเลยเพื่อให้จำเลยนำไปให้แก่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่

 

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

               มาตรา ๒ ในประมวลกฎหมายนี้

               (๔) “ผู้เสียหาย” หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา ๔, ๕ และ ๖