คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๐๙๖/๒๕๖๒ 


               ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าฟ้องโจทก์ในส่วนที่ เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามขั้นตอนในชั้นพิจารณา ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจหยิบยกข้อเท็จจริงสำหรับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ที่ศาลชั้นต้นสั่งว่ามีมูลแล้วขึ้นมาทบทวนและวินิจฉัยยกฟ้องจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้

 

               ตามฎีกานี้ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่ ๑ และ ที่ ๒ และให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๕ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เสียด้วย

              

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

               มาตรา ๑๗๐ คำสั่งของศาลที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาด แต่คำสั่งที่ว่าคดีไม่มีมูลนั้นโจทก์มีอำนาจอุทธรณ์ฎีกาได้ตามบทบัญญัติว่าด้วยลักษณะอุทธรณ์ฎีกา

               ถ้าโจทก์ร้องขอศาลจะขังจำเลยไว้หรือปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ฎีกาก็ได้