คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๑/๒๕๖๓ 


               ศาลจังหวัดกำแพงเพชรอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๖ แทนศาลชั้นต้นให้จำเลยฟังวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ และศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๖ ให้โจทก์และทนายจำเลยฟังวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ถือว่าศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค ๖ ให้จำเลยฟังตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ไม่ใช่วันที่อ่านให้ทนายจำเลยฟังวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ และในวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ทนายจำเลยลงลายมือชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาด้านหลังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๖ ต่อท้ายรายงานกระบวน พิจารณาวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ของศาลจังหวัดกำแพงเพชร ที่จำเลยลงลายมือชื่อไว้ ทนายจำเลยย่อมต้องทราบว่าศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๖ ให้จำเลยฟังแล้วตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ จำเลยมีอำนาจยื่นฎีกาภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๖ วรรคหนึ่ง คือภายในวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาในวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๒ ล่วงเลยกำหนดระยะเวลายื่นฎีกาของจำเลย โดยไม่มีพฤติการณ์พิเศษ และไม่ใช่กรณีที่มีเหตุสุดวิสัย คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขยาย ระยะเวลายื่นฎีกาของจำเลยไม่ชอบ จำเลยไม่มีสิทธิยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๖ ให้จำเลยฟังแล้วได้

 

เพิ่มเติม

               ฎีกาที่ ๒๙๕๙/๒๕๕๖ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ให้จำเลยที่ ๒ ฟังเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๔๒ หลังจากนั้น วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ให้โจทก์ฟัง โจทก์ย่อมมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ได้ภายในกำหนด ๑ เดือน นับแต่วันที่อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๑๖ วรรคหนึ่ง ครบกำหนดที่โจทก์สามารถยื่นฎีกาได้ภายในวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๔๒ ซึ่งตรงกับวันเสาร์อันเป็นวันหยุดราชการ ระยะเวลายื่นฎีกาจึงสิ้นสุดลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๒ อันเป็นวันเริ่มทำการใหม่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๘ เมื่อโจทก์ไม่ฎีกา คดีจึงถึงที่สุดในวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๒ อันเป็นวันสิ้นกำหนดระยะเวลาฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา ๑๕ ฉะนั้น จำเลยที่ ๒ จะยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดว่าคำพิพากษาได้ถึงที่สุดแล้วเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ หาได้ไม่

 

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

               มาตรา ๒๑๖ ภายใต้บังคับแห่งมาตรา ๒๑๗ ถึง ๒๒๑ คู่ความมีอำนาจฎีกาคัดค้านคำพิพากษา หรือคำสั่งศาลอุทธรณ์ภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันอ่าน หรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นให้คู่ความฝ่ายที่ฎีกาฟัง