คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๗๙/๒๕๖๓ 

               แม้คดีก่อนของศาลชั้นต้นที่จำเลยคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ทั้งสามคดีนี้เป็นจำเลย โจทก์ทั้งสามให้การว่า การกระทำของจำเลยในคดีนี้เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามก็ตาม แต่ชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นในคดีก่อนกำหนดประเด็นข้อพิพาทประเด็นเดียวว่า ทางพิพาทเป็นภาระจำยอมหรือไม่ คดีนี้โจทก์ทั้งสามฟ้องจำเลยว่า การที่จำเลย เข้าไปใช้ประโยชน์ในทางพิพาทเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของทางพิพาท ข้ออ้างอันเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์ทั้งสาม เป็นเรื่องของการใช้สิทธิในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ ทั้งขอให้บังคับจำเลยส่งมอบที่ดินพิพาทคืนโจทก์กับชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย ประเด็นที่ศาลต้องวินิจฉัยในคดีนี้คือเรื่องละเมิด เป็นคนละประเด็นกับประเด็นข้อพิพาทในคดีก่อนเรื่องทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอมหรือไม่ หาใช่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในคดีก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ แพ่ง มาตรา ๑๔๔ ไม่

 

เพิ่มเติม

               ฎีกาที่ ๙๑/๒๕๖๒ ปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๔ หรือไม่นั้น เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ถึงแม้จำเลยจะมิได้ให้การต่อสู้ในปัญหาข้อนี้ไว้ แต่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาดังกล่าวตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๔ ได้ ไม่ถือเป็นเรื่องนอกประเด็นตามคำให้การ

 

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

               มาตรา ๑๔๔ เมื่อศาลใดมีคำพิพากษา หรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดแห่งคดีแล้ว ห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือ ประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วนั้น เว้นแต่กรณีจะอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วย

               (๑) การแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ ตามมาตรา ๑๔๓

               (๒) การพิจารณาใหม่แห่งคดีซึ่งได้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินไปฝ่ายเดียว ตามมาตรา ๒๐๙  และคดีที่เอกสารได้สูญหายหรือบุบสลายตามมาตรา ๕๓

               (๓) การยื่น การยอมรับ หรือไม่ยอมรับ ซึ่งอุทธรณ์หรือฎีกาตามมาตรา ๒๒๙ และ ๒๔๗ และการดำเนินวิธีบังคับชั่วคราวในระหว่างการยื่นอุทธรณ์ หรือฎีกาตามมาตรา ๒๕๔ วรรคสุดท้าย

               (๔) การที่ศาลฎีกาหรือศาลอุทธรณ์ส่งคดีคืนไปยังศาลล่างที่ได้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีนั้น เพื่อให้พิพากษาใหม่หรือพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามมาตรา ๒๔๓

               (๕) การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามมาตรา ๒๗๑

               ทั้งนี้ ไม่เป็นการตัดสิทธิในอันที่จะบังคับตามบทบัญญัติแห่งมาตรา ๑๖ และ ๒๔๐ ว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยศาลอื่นแต่งตั้ง