คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๐๘๐๘/๒๕๕๙
การบอกกล่าวบังคับจำนองเป็นการแสดงเจตนาอย่างหนึ่งตาม
ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๙ วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติว่า “การแสดงเจตนาที่กระทำต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้าให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา...”
ถ้อยคำว่า “ไปถึง” นั้น หมายความว่า ได้มีการแสดงเจตนาโดยมีจดหมายบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังลูกหนี้ ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของลูกหนี้ แม้ขณะจดหมายบอกกล่าวไปถึงภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของลูกหนี้จะไม่พบลูกหนี้หรือไม่มีผู้ใดรับไว้
ก็ถือว่าผู้รับจำนองมีจดหมายบอกกล่าวบังคับจำนองไปถึงลูกหนี้โดยชอบแล้ว ตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๗๒๘ และมาตรา ๑๖๙ วรรคหนึ่ง
ตามฎีกานี้
จำเลยฎีกาว่า “โจทก์ส่งหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังภูมิลำเนาของจำเลย
แต่ปรากฏว่าส่งไม่ได้เพราะไม่มารับภายในกำหนด
โดยที่พนักงานไปรษณีย์ไม่ได้มีหนังสือแจ้งจำเลยให้ไปรับหนังสือของโจทก์ดังกล่าวที่ที่ทำการไปรษณีย์
จำเลยจึงไม่ทราบว่าโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองถึงจำเลย ดังนั้น จะถือว่าจำเลยทราบถึงการบอกกล่าวบังคับจำนองของโจทก์หาได้ไม่”
เพิ่มเติม
ฎีกาที่
๕๙๐๑/๒๕๕๐ การแสดงเจตนาต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้านั้น ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๙ บัญญัติว่า
“การแสดงเจตนาที่กระทำ ต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้าให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา...”
ถ้อยคำ ที่ว่าไปถึงผู้รับการแสดงเจตนานั้นมิได้หมายความว่า
ผู้นำ จดหมายไปส่งจะต้องได้พบผู้รับการแสดงเจตนาโดยตรง
แต่หมายความว่า ผู้นำ จดหมายไปส่งต้องไปส่ง
ณ ภูมิลำเนา หรือสำ นักทำ การงานของผู้รับการแสดงเจตนา
แม้ขณะไปถึงภูมิลำเนาหรือสำ นักทำ การงานของผู้รับการแสดงเจตนาจะไม่พบผู้รับการแสดงเจตนาโดยตรง
ก็ถือว่า เป็นการส่งยังสถานที่ที่ถูกต้องแล้ว
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๖๙ การแสดงเจตนาที่กระทำ ต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้าให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา
แต่ถ้าได้บอกถอนไปถึงผู้รับการแสดงเจตนานั้น ก่อนหรือพร้อมกันกับที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา
การแสดงเจตนานั้นตกเป็นอันไร้ผล
การแสดงเจตนาที่ได้ส่งออกไปแล้วย่อมไม่เสื่อมเสียไป
แม้ภายหลังการแสดงเจตนานั้นผู้แสดงเจตนาจะถึงแก่ความตาย
หรือถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
0 Comments
แสดงความคิดเห็น