คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๘๕๐/๒๕๕๙
จำเลยไม่มีสิทธิได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญตามกฎหมาย แต่โจทก์จ่ายเงินดังกล่าวให้จำเลยไปโดยผิดหลง จึงเป็นเงินที่จำเลยได้รับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และทำให้โจทก์เสียเปรียบอันเป็นลาภมิควรได้ หาใช่เป็นเงินที่โจทก์มีสิทธิติดตามเอาคืนได้อย่างเจ้าของทรัพย์สินไม่ และเมื่อได้ความว่าจำเลยได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญไว้โดยสุจริตและนำไปใช้จ่ายหมดแล้วก่อนที่โจทก์จะเรียกคืน จำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินดังกล่าวแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๑๒
ข้อเท็จจริง
โจทก์จ่ายเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญให้แก่จำเลยซึ่งเป็นทายาทของ
พ. ข้าราชการในสังกัดกรมโจทก์ซึ่งเป็นสามีจำเลยที่ถึงแก่ความตาย
ทั้งที่จำเลยเป็นข้าราชการในสังกัดกรมโจทก์ ซึ่งไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวตาม
พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ พ.ศ.๒๕๒๑ มาตรา ๕
ฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า
เงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญที่จำเลยได้รับเป็นลาภมิควรได้
หรือเป็นเงินที่โจทก์มีสิทธิติดตามเอาคืนได้อย่างเจ้าของทรัพย์สิน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
จำเลยไม่มีสิทธิได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญตามกฎหมาย
แต่โจทก์จ่ายเงินดังกล่าวให้จำเลยไปโดยผิดหลง
จึงเป็นเงินที่จำเลยได้รับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้
และทำให้โจทก์เสียเปรียบ อันเป็นลาภมิควรได้ หาใช่เป็นเงินที่โจทก์มีสิทธิติดตามเอาคืนได้อย่างเจ้าของทรัพย์สินไม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๔๑๒ ถ้าทรัพย์สินซึ่งได้รับไว้เป็นลาภมิควรได้นั้นเป็นเงินจำนวนหนึ่ง
ท่านว่าต้องคืนเต็มจำนวนนั้น เว้นแต่เมื่อบุคคลได้รับไว้โดยสุจริต
จึงต้องคืนลาภมิควรได้เพียงส่วนที่ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืน
พระราชบัญญัติการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย
พ.ศ. ๒๕๑๘
มาตรา ๓ การจ่ายเงินตามงบประมาณรายจ่ายในประเภทดังต่อไปนี้
ให้กระทำได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
(๑) ค่าเช่าซื้อบ้านข้าราชการ
(๒) ค่าเช่าบ้านข้าราชการหรือค่าที่อยู่อาศัยของข้าราชการ
(๓)
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
(๔) เบี้ยประชุมกรรมการ
(๕)
เงินเดือนระหว่างลาของข้าราชการ
(๖) เงินสวัสดิการจากทางราชการ
พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่ง
ให้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ การจ่ายเงิน วิธีการเบิกจ่าย อัตราการจ่าย ของผู้มีสิทธิได้รับเงินนั้นและหลักเกณฑ์อื่น
ตามที่เห็นสมควร
พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ
พ.ศ. ๒๕๒๑
มาตรา ๓ ผู้ได้รับเบี้ยหวัดหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม
ผู้ได้รับบำนาญปกติหรือมีสิทธิได้รับบำนาญปกติ หรือบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพ
ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ต่ำกว่าเดือนละสี่พันบาท
ให้ได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ เรียกโดยย่อว่า “ช.ค.บ.” ในอัตราเดือนละสองร้อยบาท
ผู้ได้รับเบี้ยหวัดหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม
ผู้ได้รับบำนาญปกติหรือมีสิทธิได้รับบำนาญปกติ หรือบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพ
ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการตั้งแต่เดือนละสี่พันบาทขึ้นไปแต่ไม่เกินสี่พันสองร้อยบาท ให้ได้รับ ช.ค.บ. ในอัตราเดือนละสองร้อยบาท
แต่เมื่อรวม ช.ค.บ. กับเบี้ยหวัดบำนาญแล้ว
ให้ได้รับไม่เกินเดือนละสี่พันสองร้อยบาท
มาตรา ๕ ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญ
ไม่มีสิทธิได้รับ ช.ค.บ.ตามมาตรา ๓ หรือมาตรา ๔
ถ้าเข้ารับราชการหรือกลับเข้ารับราชการหรือเข้าทำงานหรือกลับเข้าทำงานสังกัดราชการส่วนกลาง
ราชการส่วนภูมิภาคหรือราชการส่วนท้องถิ่น
0 Comments
แสดงความคิดเห็น