คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๑๕/๒๕๖๓
ผู้ตายเป็นโรคเบาหวานมาก่อน
ทั้งเคยเข้ารับการรักษาโรคนี้ ที่โรงพยาบาลมาแล้วหลายครั้งตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ จนถึงปี
๒๕๕๔ แต่ปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสุขภาพตนเองไว้โดยโจทก์อ้างว่าไม่ใช่โรคร้ายแรงซึ่งในเรื่องสุขภาพนั้นผู้เอาประกันมีหน้าที่ต้องเปิดเผย
ไม่แต่เฉพาะข้อความจริงที่อาจมีผลจูงใจผู้รับประกันภัยให้ถึงกับบอกปัดไม่ยอมรับประกันชีวิต
แต่ยังรวมถึงข้อความจริงที่อาจจูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น
ถือว่าโจทก์กับผู้ตายปกปิดข้อเท็จจริงในการทำสัญญาประกันชีวิต ทำให้สัญญาประกัน
ชีวิตระหว่างผู้ตายกับจำเลยตกเป็นโมฆียะ จำเลยมีสิทธิบอกล้างได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๘๖๕ วรรคหนึ่ง โจทก์จะอ้างว่าโรคเบาหวานไม่ใช่โรคร้ายแรงไม่จำเป็นต้องบอกหาได้ไม่
โจทก์แจ้งการตายของผู้ตายแก่จำเลยวันที่
๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ จำเลยตรวจสอบประวัติการรักษาตัวของผู้ตายโดยได้รับ เอกสารหลักฐานจากโรงพยาบาลวันที่
๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ ไม่นานนักหลังจากทราบว่าผู้ตายถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าจำเลยไม่ได้ปล่อยปละละเลยที่จะทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสุขภาพของผู้ตายที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
เมื่อจำเลยทราบข้อมูลอันจะบอกล้างได้วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘
และใช้สิทธิบอกลางวันที่ ๔ กุมภาพันธ์
๒๕๕๘ สัญญาประกันชีวิตที่ผู้ตายทำไว้กับจำเลยจึงตกเป็นโมฆะ แม้ผู้ตายไม่ได้ตายด้วยโรคเบาหวานซึ่งเป็นข้อความที่ปกปิดไว้ก็ตาม
จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
ตามฎีกานี้ ไม่มีการตรวจร่างกาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “แม้ผู้เอาประกันภัยจะไม่ต้องตรวจร่างกาย
แต่ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่สำคัญในการที่จำเลยจะรับประกันภัยไว้หรือไม่
การที่จำเลยมีคำถามเรื่องสุขภาพเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาในการทำสัญญา
แสดงให้เห็นว่า การทำสัญญาของจำเลยไม่ได้ละเลยต่อประวัติสุขภาพของผู้เอาปรันภัย
สาระเกี่ยวกับสุขภาพของผู้เอาประกัน
จึงเป็นเรื่องสำคัญในการรับประกันหรือเพิ่มเบี้ยประกัน จึงเป็นเรื่องที่ผู้ตายจะต้องแจ้งความจริงให้ปรากฏในใบคำขอดังกล่าว”
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๘๖๕
ถ้าในเวลาทำสัญญาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยก็ดี หรือในกรณีประกันชีวิต
บุคคลอันการใช้เงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของเขานั้นก็ดี
รู้อยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่ง
อาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีกหรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา
หรือว่ารู้อยู่แล้วแถลงข้อความนั้นเป็นความเท็จไซร้ ท่านว่าสัญญานั้นเป็นโมฆียะ
ถ้ามิได้ใช้สิทธิบอกล้างภายในกำหนดเดือนหนึ่งนับแต่วันที่ผู้รับประกันภัยทราบมูลอันจะบอกล้างได้ก็ดี
หรือมิได้ใช้สิทธินั้นภายในกำหนดห้าปีนับแต่วันทำสัญญาก็ดี
ท่านว่าสิทธินั้นเป็นอันระงับสิ้นไป
0 Comments
แสดงความคิดเห็น