คำพิพากษาฎีกาที่ ๗๑๗/๒๕๖๓
จำเลยถูกจับกุมครั้งแรกวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๙ เจ้าพนักงานตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา นำตัวจำเลยส่งศาลชั้นต้นขอฝากขัง และศาลชั้นต้นรับฝากขังจำเลยวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๙ ซึ่งอยู่ในอายุความที่ศาลชั้นต้นออกหมายขังจำเลยไว้ แต่จำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างสอบสวนแล้วไม่มาศาลตาม
กำหนด ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๙ ก่อนโจทก์ยื่นฟ้อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙
ถือได้ว่าจำเลยอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นแล้วตั้งแต่รับฝากขัง โจทก์ฟ้องคดีได้โดยไม่จำต้องนำตัวจำเลยมาศาลพร้อมฟ้อง คดีหาขาดอายุความไม่
เพิ่มเติม
ฎีกาที่ ๒๗๐/๒๕๒๘ มาตรา ๙๕ วรรคแรก
บัญญัติว่า “ในคดีอาญาถ้ามิได้ฟ้องและได้ผู้กระทำความผิดมายังศาลภายในกำหนดดังต่อไปนี้
นับแต่วันกระทำความผิดเป็นอันขาดอายุความ” แสดงว่าต้องฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลแล้วอายุความจึงจะหยุดนับ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๖๕
ในคดีซึ่งพนักงานอัยการเป็นโจทก์ ในวันไต่สวนมูลฟ้อง ให้จำเลยมาหรือคุมตัวมาศาล ให้ศาลส่งสำเนาฟ้องแก่จำเลยรายตัวไป
เมื่อศาลเชื่อว่าเป็นจำเลยจริงแล้ว
ให้อ่านและอธิบายฟ้องให้ฟัง และถามว่าได้กระทำผิดจริงหรือไม่ จะให้การต่อสู้อย่างไรบ้าง คำให้การของจำเลยให้จดไว้
ถ้าจำเลยไม่ยอมให้การก็ให้ศาลจดรายงานไว้
และดำเนินการต่อไป
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๙๕ ในคดีอาญา ถ้ามิได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลภายในกำหนดดังต่อไปนี้
นับแต่วันกระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ
(๑) ยี่สิบปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษประหารชีวิต
จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกยี่สิบปี
(๒) สิบห้าปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าเจ็ดปีแต่ยังไม่ถึงยี่สิบปี
(๓) สิบปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งปีถึงเจ็ดปี
(๔) ห้าปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งเดือนถึงหนึ่งปี
(๕) หนึ่งปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งเดือนลงมา
หรือต้องระวางโทษอย่างอื่น
ถ้าได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลแล้ว
ผู้กระทำความผิดหลบหนีหรือวิกลจริต และศาลสั่งงดการพิจารณาไว้จนเกินกำหนดดังกล่าวแล้วนับแต่วันที่หลบหนีหรือวันที่ศาลสั่งงดการพิจารณา
ก็ให้ ถือว่าเป็นอันขาดอายุความเช่นเดียวกัน
0 Comments
แสดงความคิดเห็น