คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๕๘๐/๒๕๖๓

               คำว่า “ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน” ตาม ป.อ. มาตรา ๒๗๗ วรรคแรก หมายถึงการเป็นภริยาหรือสามีกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งต้องเป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๕๗ ที่บัญญัติว่า “การสมรสตามประมวลกฎหมายนี้จะมีได้เฉพาะเมื่อได้จดทะเบียนแล้วเท่านั้น” เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายที่ ๑ และจำเลยได้จดทะเบียนสมรสกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้เสียหายที่ ๑ และจำเลยจึงยังมิใช่ภริยาหรือสามีกัน

               ขณะเกิดเหตุจำเลยมีอายุ ๑๘ ปีเศษ อยู่ในวัยที่โตพอที่จะรู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว ได้กระทำชำเราผู้เสียหายที่ ๑ หลายครั้ง ในขณะที่ผู้เสียหายที่ ๑ เป็นนักเรียนมีอายุเพียง ๑๒ ถึง ๑๓ ปีเศษ อยู่ในวัยที่อ่อนเยาว์ขาดความยับยั้งชั่งใจ โดยจำเลยมิได้ตั้งใจจะอยู่กินหรือยกย่องผู้เสียหายที่ ๑ เป็นภริยา แต่เป็นการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของตนเองสร้างความเสื่อมเสียติดตัวให้แก่ผู้เสียหายที่ ๑ ทั้งยังมีผลกระทบกับจิตใจและการใช้ชีวิตต่อไปในสังคมภายหน้าอีกด้วย เป็นการขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน พฤติการณ์แห่งคดีถือได้ว่าเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยจะชดใช้เงินเพื่อบรรเทาผลร้ายแก่ผู้เสียหายทั้งสองและผู้เสียหายทั้งสองแถลงไม่ติดใจ และจำเลยมีภาระเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัวก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้แก่จำเลย

 

ประมวลกฎหมายอาญา

               มาตรา ๒๗๗ ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

               ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสน บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต