คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๐๐/๒๕๖๓
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของจำเลย ที่ ๒ ที่ขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค
๙ กลับคำสั่งของศาลชั้นต้น
ให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ตามลำดับขั้นตอนการดำเนินกระบวนพิจารณาตามกฎหมาย
ซึ่งหากศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิจารณาเห็นชอบด้วยตามข้ออุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ศาลอุทธรณ์ภาค ๙
ก็จะพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น
และให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ ๒ ไว้พิจารณาและไต่สวนพยานของจำเลยที่ ๒ แล้วมีคำสั่งไปตามรูปคดีว่าจะอนุญาตให้จำเลยที่ ๒ พิจารณาคดีใหม่หรือไม่
ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ ไม่อาจพิจารณาและอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ได้เพราะยังไม่มีข้อเท็จจริงที่จะนำมาวินิจฉัยว่ากระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นเกิดขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
การอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ ๒ ในชั้นนี้ไม่มีผลโดยตรงต่อคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้สิ้นผลบังคับ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๒๒๙
ตามฎีกานี้
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์กลับคำสั่งศาลชั้นต้น
ให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ตามลำดับขั้นตอนการดำเนินกระบวนพิจารณา
ซึ่งหมายถึงขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนพยานจำเลยที่ ๒ เสียก่อนแล้วจึงมีคำสั่งตามรูปคดี
ซึ่งเมื่อไต่สวนพยานของจำเลยที่ ๒ แล้ว ศาลอาจจะไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ก็ได้ ดังนั้น
ตามฎีกานี้ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๒๒๙
คดีนี้ จำเลยที่ได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า
ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิพากษายกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ ๒ เนื่องจากจำเลยที่ ๒
ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ชอบหรือไม่
เพิ่มเติม
ฎีกาที่
๑๓๙๐๑/๒๕๕๓ บัญญัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๒๙ หาได้ใช้บังคับเฉพาะการอุทธรณ์คำพิพากษาและคำสั่งที่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดคดีเท่านั้นไม่
และถึงแม้จะเป็นเพียงการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลย แต่จำเลยมีคำขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค
๗ มีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลชั้นต้น
โดยอนุญาตให้จำเลยดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ ซึ่งจะทำให้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่บังคับให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้แก่โจทก์เป็นอันเพิกถอนไป
ผลเท่ากับเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอยู่ในตัว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว เมื่อจำเลยมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวให้ครบถ้วน
จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและกรณีมิใช่เรื่องการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลโดยไม่ถูกต้องครบถ้วนตาม
ป.วิ.พ. มาตรา ๑๘ ที่ศาลจะต้องสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วนเสียก่อนที่จะมีค่าสั่งรับหรือไม่รับค่าคู่ความ
ตามฎีกานี้ จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์มีคำขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ มีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลชั้นต้น
โดยอนุญาตให้จำเลยดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ ดังนั้น จำเลยต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์
ฎีกาที่
๕๙๐๕/๒๕๕๑ จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นทั้งหมด
โดยให้ดำเนินการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ ๒ ใหม่และขอให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง การที่จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น โดยขอให้ศาลอุทธรณ์กลับคำสั่งของศาลชั้นต้นให้รับคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ ๒ ไว้พิจารณาต่อไป
ซึ่งหากศาลอุทธรณ์พิจารณาเห็นชอบด้วยตามข้ออุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ศาลอุทธรณ์ก็จะพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ ๒ ไว้พิจารณาและไต่สวนพยานของจำเลยที่ ๒ แล้วมีคำสั่งไปตามรูปคดีว่าจะอนุญาตให้จำเลยที่ ๒ พิจารณาคดีใหม่หรือไม่
ศาลอุทธรณ์ไม่อาจพิจารณาและ อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ตามคำขอท้ายอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ได้
เพราะยังไม่มีข้อเท็จจริงที่จะนำมาวินิจฉัยว่ากระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นเกิดขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
การอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ ๒ ชั้นนี้ไม่มีผลโดยตรงต่อคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้สิ้นผลบังคับแต่อย่างใด
จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียม
ซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๒๙
ตามฎีกานี้
จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
โดยไม่ได้ไต่สวนพยานของจำเลยที่ ๒ เสียก่อน จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น
โดยขอให้ศาลอุทธรณ์กลับคำสั่งของศาลชั้นต้นให้รับคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่
๒ ไว้พิจารณาต่อไป ดังนั้น จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียม
ซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๒๒๙
การอุทธรณ์นั้นให้ทำ เป็นหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้นซึ่งมีคำ พิพากษาหรือคำ สั่งภายในกำ หนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำ พิพากษาหรือคำ สั่งนั้น และผู้อุทธรณ์ต้องนำ เงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำ พิพากษาหรือคำ สั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นด้วย
ให้ผู้อุทธรณ์ยื่นสำ เนาอุทธรณ์ต่อศาล
เพื่อส่งให้แก่จำ เลยอุทธรณ์
(คือฝ่ายโจทก์หรือจำ เลยความเดิมซึ่งเป็นฝ่ายที่มิได้อุทธรณ์ความนั้น)
ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๓๕ และ ๒๓๖
0 Comments
แสดงความคิดเห็น