คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๐๖/๒๕๖๓ 

               ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มีพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่ง ของมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐๖/๒๕๕๗ และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทนมาตรา ๗ ไม้ชนิดใดที่ขึ้นในป่า จะเป็นไม้หวงห้ามประเภทใด ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา สำหรับไม้ทุกชนิดที่ขึ้นในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง ตามประมวลกฎหมายที่ดินไม่เป็นไม้หวงห้าม หรือไม้ที่ปลูกขึ้น ในที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ตามประเภทหนังสือแสดงสิทธิที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ให้ถือว่าไม่เป็นไม้หวงห้ามเป็นกรณีที่พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังกำหนดให้ไม้ที่ขึ้นในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ไม่เป็น ไม้หวงห้าม การทำไม้ในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ไม่เป็นการทำไม้หวงห้ามอันจะเป็นความผิดอีกต่อไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒ วรรคสอง

               ไม้พะยูงที่ถูกตัดเป็นไม้ที่ขึ้นในที่ดินที่ อ. มีกรรมสิทธิ์ จึงไม่ใช่ไม้หวงห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำผิด การกระทำของจำเลยทั้งสี่ที่ร่วมกันทำไม้พะยูงและมีไม้พะยูงอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองในที่ดินที่เกิดเหตุตามฟ้อง จึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานร่วมกันมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง, ๖๙ วรรคสอง (๑), ๗๓ วรรคสอง (๑) อีกต่อไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒ วรรคสอง

 

หมายเหตุ

               ๑.ข้อเท็จจริงตามฎีกานี้ “ที่ดินที่เกิดเหตุเป็นโฉนดที่ดิน”

               ๒. พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ ๘) พ.ศ.๒๕๖๒ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๒

               ๓.การทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตในที่ดินมีกรรมสิทธิ์ ไม่เป็นความผิด การมีไม้หวงห้ามยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ย่อมไม่มีความผิดด้วย

 

ประมวลกฎหมายอาญา

               มาตรา ๒ วรรคสอง ถ้าตามบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง การกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิดต่อไป ให้ผู้ที่ได้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และถ้าได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้ว ก็ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดนั้น ถ้ารับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลง