คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๘๒/๒๕๖๓
การแบ่งปันทรัพย์มรดกซึ่งอาจทำได้โดยทายาทต่างเข้าครอบครองทรัพย์สินเป็นส่วนสัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๗๕๐ นั้น เป็นกรณีซึ่งข้อเท็จจริงต้องได้ความชัดแจ้งว่าทายาทได้ตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดกโดยต่างเข้าครอบครองทรัพย์มรดกตามส่วนแบ่งนั้นอย่างเป็นส่วนสัด
และชัดเจนว่าทายาทคนใดเข้าครอบครองที่ดินทรัพย์มรดกนั้นในส่วนใด
มีอาณาเขตและเนื้อที่ดินเข้าครอบครองแบ่งแยกกันจนชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินการจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์กันได้
ทายาทของ ล. มิได้ตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดกกันโดยต่างเข้าครอบครองที่ดินมรดกเป็นส่วนสัดตามมาตรา
๑๗๕๐ ที่ดินมรดกยังไม่พ้นสภาพจากการเป็นทรัพย์มรดกของ ล. เมื่อจำเลยที่ ๑
ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกยังมิได้ดำเนินการจัดแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาททุกคนตามสิทธิของทายาทที่กฎหมายกำหนดไว้หรือตามที่ทายาทตกลงกัน
ก็ต้องถือว่าการจัดการทรัพย์มรดกยังไม่เสร็จสิ้น ดังนี้ จำเลยทั้งสี่ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินมรดกแทนทายาทอื่น
ๆ ของ ล. จะนำอายุความ ๕ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๓๓ วรรคสอง มาใช้บังคับไม่ได้
และกรณีเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๔๘ วรรคหนึ่ง คดีของโจทก์ที่
๑ ถึงที่ ๑๒ ไม่ขาดอายุความ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๗๓๓ วรรคสอง คดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกนั้น
มิให้ทายาทฟ้องเกินกว่าห้าปีนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลง
มาตร ๑๗๔๘
ทายาทคนใดครอบครองทรัพย์มรดกซึ่งยังมิได้แบ่งกัน
ทายาทคนนั้นมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้แบ่งทรัพย์มรดกนั้นได้ แม้ว่าจะล่วงพ้นกำหนดอายุความตามมาตรา
๑๗๕๔ แล้วก็ดี สิทธิที่จะเรียกให้แบ่งทรัพย์มรดกตามวรรคก่อน
จะตัดโดยนิติกรรมเกินคราวละสิบปีไม่ได้
มาตรา ๑๗๕๐
การแบ่งปันทรัพย์มรดกนั้น อาจทำได้โดยทายาทต่างเข้าครอบครองทรัพย์สินเป็นส่วนสัด
หรือโดยการขายทรัพย์มรดกแล้วเอาเงินที่ขายได้มาแบ่งปันกันระหว่างทายาท
ถ้าการแบ่งปันมิได้เป็นไปตามวรรคก่อน แต่ได้ทำโดยสัญญาจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ เว้นแต่จะมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ ในกรณีเช่นนี้ให้นำมาตรา ๘๕๐, ๘๕๒ แห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยประนีประนอมยอมความมาใช้บังคับโดยอนุโลม
0 Comments
แสดงความคิดเห็น