คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๔๗/๒๕๖๓
โจทก์ร่วมที่ ๑
ซึ่งเป็นผู้เยาว์เป็นผู้ร้องทุกข์เองโดยมี ด. พาโจทก์ร่วมที่ ๑ ไปร้องทุกข์
การร้องทุกข์มิใช่เป็นการทำนิติกรรม โจทก์ร่วมที่ ๑ กระทำเองได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม
เมื่อโจทก์ร่วมที่ ๑ ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยและได้ให้การไว้ในฐานะผู้กล่าวหาความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและความผิดฐานพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร
โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๒๑ โจทก์มีอำนาจฟ้องตามมาตรา ๑๒๐
ตามฎีกานี้
โจทก์ร่วมที่ ๑ (ผู้เสียหายที่ ๑) ซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี เป็นผู้ร้องทุกข์ด้วยตนเอง
โดยมีโจทก์ที่ ๒ (ผู้เสียหายที่ ๒) พาไปร้องทุกข์ ซึ่งโจทก์ร่วมที่ ๒ มิใช่ผู้แทนโดยชอบธรรม แต่เป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ร่วมที่
๑ มาโดยตลอด ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การร้องทุกข์มิใช่เป็นการทำนิติกรรม
โจทก์ร่วมที่ ๑ กระทำเองได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม” ในฐานความผิด
๑.ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา(ป.อ.มาตรา
๒๗๖)
๒.ความผิดฐานพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร(ป.อ.มาตรา
๒๘๓)
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๒
ในประมวลกฎหมายนี้
(๗) “คำ ร้องทุกข์” หมายความถึงการที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้
ว่ามีผู้กระทำ ความผิดขึ้น
จะรู้ตัวผู้กระทำ ความผิดหรือไม่ก็ตามซึ่งกระทำ ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย
และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำ ความผิดได้รับโทษ
0 Comments
แสดงความคิดเห็น