คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๕๗๒/๒๕๔๙
จำเลยถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนจากฉบับที่แท้จริงซึ่งเป็นเอกสารราชการแล้วแก้ไขในช่องชื่อ
ชื่อสกุล วันออกบัตร วันหมดอายุ และนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนดังกล่าวไปถ่ายสำเนาเอกสารอีก
เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าสำเนาเอกสารดังกล่าวมีข้อความตรงกับต้นฉบับและน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
เป็นการทำปลอมเอกสารขึ้นทั้งฉบับ แม้จำเลยจะมิได้แก้ไขในเอกสารที่แท้จริง การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดฐานปลอมบัตรประจำตัวประชาชนอันเป็นเอกสารราชการ
และฐานใช้บัตรประจำตัวประชาชนอันเป็นเอกสารราชการปลอมตาม ป.อ. มาตรา ๒๖๕, ๒๖๘ วรรคหนึ่ง
ประกอบมาตรา ๒๖๕ พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชนฯ มาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง (๒) (๓)
เพิ่มเติม
ฎีกาที่ ๘๘๗๐/๒๕๕๔ จำเลยปลอมลายมือชื่อของโจทก์ร่วมในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ร่วมเพื่อขอให้เปิดบัญชีออมทรัพย์กับธนาคารโดยใช้ชื่อโจทก์ร่วมในค่าขอเปิดบัญชี
และปลอมตัวอย่างลายมือชื่อของโจทก์ร่วมในค่าขอเปิดบัญชีตามเอกสารหมาย จ.1 แล้วนำไปยื่นต่อพนักงานธนาคาร ทำให้ธนาคารหลงเชื่อว่าเป็นคำขอเปิดบัญชีเงินฝาก
ของโจทก์ร่วม จึงออกสมุดเงินฝากในนามของโจทก์ร่วมให้
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปลอมและใช้เอกสารปลอม
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๒๖๕ ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ
หรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท
มาตรา ๒๖๘
ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำ ความผิดตามมาตรา ๒๖๔ มาตรา ๒๖๕ มาตรา ๒๖๖ หรือมาตรา ๒๖๗
ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ
ถ้าผู้กระทำ ความผิดตามวรรคแรกเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น
หรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นเองให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียว
0 Comments
แสดงความคิดเห็น