คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๕๑/๒๕๖๓
จำเลยให้การยอมรับว่าจำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์มีอำนาจควบคุมการดำเนินธุรกิจ การเงิน การบัญชี รวมทั้ง
ทรัพย์สินและหนี้สินของโจทก์ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๖๘ (๒)
บัญญัติว่า กรรมการต้องรับผิดชอบในการจัดให้มีและรักษาไว้ให้เรียบร้อย
ซึ่งบรรดาสมุดบัญชีและเอกสารที่กฎหมายกำหนดไว้ และมาตรา ๑๒๐๖ (๑) บัญญัติว่า กรรมการต้องจัดให้ถือบัญชีจำนวนเงินที่บริษัทได้รับและได้จ่าย
ทั้งรายการอันเป็นเหตุให้รับหรือจ่ายเงินทุกรายไป จำเลยในฐานะกรรมการจึงมีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลการจัดทำบัญชีโดยตรง
รายการใช้จ่ายเงินย่อมอยู่ในความรู้เห็นของจำเลยโดยเฉพาะ ดังนี้ จำเลยมีภาระการพิสูจน์การใช้จ่ายเงินดังกล่าวนั้น
ตามฎีกานี้
เมื่อจำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลการจัดทำบัญชีโดยตรง
แต่ไม่จัดทำบัญชีให้ปรากฏว่ามีการใช้จ่ายเงินรายการใดเท่าใดไปในกิจการของโจทก์เมื่อใด
และไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบให้ได้ความดังกล่าว จำเลยต้องอรับผิดคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
เพิ่มเติม
ฎีกาที่ ๕๔๑๖/๒๕๖๐ ขณะผู้ตายทำพินัยกรรมผู้ตายยังอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่เรือนจำที่โรงพยาบาล พ. การทำพินัยกรรมจึงอยู่ในความรู้เห็นของจำเลย
โจทก์ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานที่ควรจะเป็นซึ่งปรากฏจากสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์เป็นคุณแก่โจทก์
โจทก์ต้องพิสูจน์เพียงว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งการที่โจทก์จะได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานนั้นครบถ้วนแล้ว
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๘๔/๑
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๘๔/๑
คู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนคำคู่ความของตน
ให้คู่ความฝ่ายนั้นมีภาระการพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น แต่ถ้ามีข้อสันนิษฐานไว้ในกฎหมายหรือมีข้อสันนิษฐานที่ควรจะเป็นซึ่งปรากฏจากสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใด
คู่ความฝ่ายนั้นต้องพิสูจน์เพียงว่าตนได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งการที่ตนจะได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานนั้นครบถ้วนแล้ว
0 Comments
แสดงความคิดเห็น