คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๙๙/๒๕๖๓ 

               ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์หลังจากโจทก์ยื่นอุทธรณ์แล้ว ๑ วัน โดยมิได้สั่งให้แจ้งคำสั่งให้โจทก์ทราบ หรือมีข้อความในอุทธรณ์ให้โจทก์มารับทราบคำสั่งในวันใด แม้โจทก์ได้วางค่าใช้จ่ายในการส่งคำคู่ความไว้ต่อศาลในวันที่ยื่นอุทธรณ์ ก็ยังไม่อาจถือได้ว่าโจทก์ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นแล้ว การที่เจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นทำรายงานเสนอต่อศาลชั้นต้นว่าส่งหมายให้จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ และศาลชั้นต้นสั่งรอโจทก์แถลง แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้แจ้งผลการส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ทราบ โจทก์ย่อมไม่มีทางทราบถึงผลการส่งหมายดังกล่าว การที่โจทก์มิได้ยื่นคำแถลงให้ดำเนินการต่อไป ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์จงใจเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด อันจะถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔ (๒) ประกอบมาตรา ๒๔๖ และพระราชบัญญัติ วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๗

 

เพิ่มเติม

               ฎีกาที่ ๕๗๙/๒๕๔๔ ศาลชั้นต้นมีค่าสั่งรับอุทธรณ์หลังจากจำเลยยื่นอุทธรณ์แล้วถึง ๒ วัน และในการสั่งรับอุทธรณ์ศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้แจ้งคำสั่งให้จำเลยทราบ ทั้งศาลชั้นต้นยังให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ทั้งสี่ภายใน ๑๕ วันนับแต่วันสั่ง (แม้ตอนท้ายอุทธรณ์มีข้อความว่าข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว) เมื่อจำเลยยังไม่ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้น การที่จำเลยมิได้นำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ทั้งสี่ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นย่อมไม่เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาล ชั้นต้นกำหนดอันจะถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔ (๒) ประกอบด้วยมาตรา ๒๔๖

 

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

               มาตรา ๑๗๔ ในกรณีต่อไปนี้ให้ถือว่าโจทก์ได้ทิ้งฟ้อง คือ

                    (๒) โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยได้ส่งคำสั่งให้แก่โจทก์โดยชอบแล้ว