คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๒/๒๕๖๓ 

               ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดรวม ๖ กระทง แต่ละกระทงลงโทษจำคุก ๒ ปี โดยไม่รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษาแก้ให้ลงโทษปรับอีกกระทงละ ๕,๐๐๐ บาท รวม ๖ กระทง เป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท กับให้รอการลงโทษและคุมความประพฤติจำเลยไว้ด้วยเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ยังคงลงโทษจำเลย ในแต่ละกระทงจำคุกไม่เกิน ๒ ปี และปรับไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๙ ฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลย โดยไม่รอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์มีการปฏิบัติตามมาตรา ๒๒๑ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่รับฎีกาของโจทก์จึงไม่ชอบ

 

หมายเหตุ

               การห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา ๒๑๙ เป็นข้อยกเว้นของมาตรา ๒๑๘ แม้จะเป็นการแก้ไขคำพิพากษาของศาลชั้นต้นมากก็ตาม ( สุรศักดิ์ ลิขสิทธิ์วัฒนกุล. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉบับอ้างอิง.)

               แต่ถ้ากรณีศาลอุทธรณ์แก้ไขมากและเพิ่มเติมโทษจำเลย ไม่ห้ามจำเลยฎีกา(ป.วิ.อ.มาตรา ๒๑๙ ตอนท้าย)

               ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี และไม่รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษปรับไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท อีกสถานหนึ่ง และให้รอการลงโทษ แม้ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษจำคุกจำเลยอันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน ๒ ปี คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๑๙(ฎีกาที่ ๑๕๗๓๔/๒๕๕๗)