คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๖๒/๒๕๖๓
แม้โจทก์บรรยายฟ้องระบุเวลากระทำความผิดของจำเลยว่า
เหตุเกิดเมื่อประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ เวลากลางวัน ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๐
เวลากลางวันต่อเนื่องกัน วันเวลาใดไม่ ปรากฏชัด และเมื่อระหว่างกลางเดือนพฤษภาคม
๒๕๖๐ เวลากลางวัน ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ เวลากลางวันต่อเนื่องกัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด
ซึ่งรวมเอาวันเสาร์และวันอาทิตย์ และช่วงปิดภาคเรียนที่ ๑ กับรวมเอาวันที่ ๒๙
สิงหาคม ๒๕๖๐ ซึ่งมีคำสั่งให้ย้ายจำเลยไปช่วยราชการที่อื่นเข้าไปด้วยก็ตาม
แต่เป็นเพราะโจทก์ไม่อาจทราบวันกระทำความผิดที่แน่ชัดของจำเลยได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ว่า การกระทำความผิดนั้นเกิดขึ้นในวันที่โรงเรียนมีการเรียนการสอนตามปกติในเวลาราชการขณะที่จำเลยยังคงรับราชการอยู่ที่โรงเรียนที่เกิดเหตุในช่วงเวลาซึ่งบรรยายไว้ในฟ้องอันเป็นเพียงรายละเอียด
จึงเป็นการบรรยายฟ้องอีกลักษณะหนึ่งของการกล่าวถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับเวลากระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๕๘ (๕) เพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว
ฟ้องโจทก็ไม่เคลือบคลุม
ตามฎีกานี้
มีฎีกาที่ ๒๕๕/๒๕๖๓ วินิจฉัยทำนองเดียวกัน
เพิ่มเติม
ฎีกาที่
๕๕๘๑/๒๕๖๒ โจทก์บรรยายฟ้องระบุช่วงเวลาซึ่งจำเลยกระทำผิด ช่วงแรกระหว่างเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ถึงเดือนกันยายน
๒๕๕๙ และช่วงที่สองระหว่างเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ แม้จะรวมช่วงปิดภาคการศึกษาในวันที่
๑ ถึง ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เข้าไว้ด้วย ก็มีผลทำให้รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดในช่วงเวลาที่ปิดภาคการศึกษาเท่านั้น
แต่ยังมีช่วงระยะเวลาหลังจากที่โรงเรียนเปิดภาคการศึกษาแล้ว ที่โจทก์สามารถนำสืบวันที่จำเลยกระทำผิดได้
เหตุที่โจทก์ระบุวันและเวลากระทำผิดเป็นช่วงเวลาก็เนื่องมาจากไม่ทราบวันและเวลากระทำผิดที่แน่นอน การระบุวันเวลากระทำผิดเป็นช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าเป็นการระบุวันและเวลากระทำความผิดของจำเลยในอีกลักษณะหนึ่งโดยชอบ
ฟ้องโจทก์ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา ๑๕๘ (๕) แล้ว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๕๘
ฟ้องต้องทำเป็นหนังสือ และมี
(๕) การกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
0 Comments
แสดงความคิดเห็น