คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๗๐/๒๕๖๓
ในคดีอาญาที่จำเลยไม่ให้การหรือให้การปฏิเสธ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๓/๑ ให้มีการตรวจพยานหลักฐานโดยให้โจทก์ส่งเอกสารและวัตถุที่โจทก์จะอ้างเป็นพยานให้อีกฝ่ายตรวจสอบตามที่คู่ความร้องขอหรือศาลเห็นสมควรก่อนสืบพยานโจทก์
โดยมีวัตถุประสงค์ให้การพิจารณาเป็นไปด้วยความรวดเร็วต่อเนื่องและเป็นธรรม จึงไม่จำต้องใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเรื่องการยื่นบัญชีระบุพยานในคดีแพ่งมาใช้บังคับในคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๕
โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานน้อยกว่า ๗ วัน
ก่อนวันตรวจพยานหลักฐานอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา
๑๗๓/๑ วรรคสอง จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาบัญชีระบุพยานในวันนั้นโดยไม่ได้คัดค้านและทนายจำเลยทั้งสองซักค้านพยานที่โจทก์ระบุในบัญชีระบุพยานได้อีกด้วย
การไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรา
๑๗๓/๑ วรรคสอง ของโจทก์มิได้ทำให้จำเลยทั้งสองเสียโอกาสในการต่อสู้คดี
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในบัญชีระบุพยานโจทก์ว่า “เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมรับรวม
๒๔ อันดับ สำเนาให้จำเลยทั้งสอง” แสดงว่าศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องสืบพยานหลักฐานดังกล่าวเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม
จึงใช้อำนาจอนุญาตให้สืบและรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๒๒๙/๑ วรรคท้ายแล้ว กรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นไม่จำเป็นต้องบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาอีก
เพิ่มเติม
ฎีกาที่ ๘๓๗๙/๒๕๕๗
พยานหลักฐานที่ศาลมีอำนาจสืบพยานเพิ่มเติมตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๘ และพยานหลักฐานที่ศาลยอมให้คู่ความฝ่ายที่อ้างว่าคำเบิกความของพยานคนใดที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งอ้างมาไม่ควรเชื่อฟังนำมาสืบสนับสนุนข้ออ้างของตนตาม
ป.วิ.พ. มาตรา ๑๒๐ ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา ๑๕ นั้น มิใช่การกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด
หรือเป็นข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่กฎหมายบังคับว่าโจทก์จะต้องบรรยายมาในฟ้องตาม
ป.วิ.อ. มาตรา ๑๕๘ (๕) อีกทั้งมิใช่พยานหลักฐานที่คู่ความประสงค์ที่จะนำสืบสนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงของตนจะต้องนำสืบในกรณีปกติอันจะอยู่ในบังคับแห่ง
ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๙/๑ หรือมาตรา ๑๗๓/๑ ที่คู่ความจักต้องยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลภายในกำหนดเวลาตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้นแต่อย่างใด
หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ป.วิ.พ.มาตรา
๘๖, ป.วิ.อ.มาตรา ๑๗๓/๑, ๒๒๙/๑
0 Comments
แสดงความคิดเห็น