คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๗๒๓/๒๕๖๒
โจทก์บรรยายฟ้องว่า
โจทก์และจำเลยได้ตกลงทำสัญญาเช่าอากาศยานกัน จำเลยให้การยอมรับว่าได้ตกลงทำสัญญาเช่าอากาศยานไปจากโจทก์จริง
ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติว่าโจทก์และจำเลยทำสัญญาเช่าอากาศยานตามสำเนาสัญญาเช่าอากาศยาน
เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยกระทำผิดสัญญา สัญญาดังกล่าวสิ้นสุดระยะเวลาลงแล้ว แต่จำเลยยังคงครอบครองและไม่ส่งมอบอากาศยานคืนให้แก่โจทก์
จนภายหลังโจทก์มีหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญากับบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยหยุดนำอากาศยานขึ้นบินและส่งคืนโจทก์กับให้ชำระค่าเช่าและค่าเช่าเพิ่มเติม
แต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องให้จำเลยส่งมอบอากาศยานคืนได้โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าอากาศยานโดยไม่จำต้องพิจารณาว่าโจทก์หรือผู้ใดเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอากาศยาน
โจทก์บรรยายฟ้องโดยคิดทุนทรัพย์ในอัตราแลกเปลี่ยน
๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๒.๙๖๑๐ บาท จำเลยไม่ได้โต้แย้งอัตราแลกเปลี่ยนตามคำฟ้องโจทก์
ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ต้องคิดคำนวณ ตามอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในขณะฟ้องคดี
การที่จำเลยอุทธรณ์โดยคิดอัตราแลกเปลี่ยน
ณ วันยื่นอุทธรณ์ในอัตรา ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๓.๕๒๕๘ บาท และนำเงินค่าขาดประโยชน์ตามคำพิพากษานับถัดจากวันฟ้องมารวมคำนวณเป็นทุนทรัพย์และเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์
เป็นการไม่ถูกต้อง
ตามฎีกานี้
ประเด็นแรก ข้อเท็จจริงยุติว่าโจทก์เช่าอากาศยานจากบริษัท บ.
ต่อมาโจทก์นำอากาศยานดังกล่าวไปให้จำเลยเช่าต่อจากโจทก์
ประเด็นที่สอง
จำเลยอุทธรณ์โดยคิดทุนทรัพย์จากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันยื่นอุทธรณ์ (ดู ป.วิ.พ.มาตรา
๑๕๐ วรรคสอง)
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๑๕๐
ในคดีที่คำ ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์นั้นอาจคำ นวณเป็นราคาเงินได้ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นตามจำ นวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้องหรือราคาทรัพย์สินที่พิพาท
ค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกานั้น
ถ้าจำ นวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้องหรือราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาเป็นอย่างเดียวกับในศาลชั้นต้น
ให้ผู้อุทธรณ์หรือผู้ฎีกาเสียตามจำ นวนทุนทรัพย์
หรือราคาเช่นเดียวกับในศาลชั้นต้น
แต่ถ้าผู้อุทธรณ์หรือผู้ฎีกาได้รับความพอใจแต่บางส่วนตามคำ พิพากษาหรือคำ สั่งของศาลล่างแล้ว และจำ นวนทุนทรัพย์หรือราคาทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาต่ำกว่าในศาลชั้นต้น
ให้ผู้อุทธรณ์หรือผู้ฎีกาเสียค่าขึ้นศาลตามจำ นวนทุนทรัพย์หรือราคาต่ำนั้น
เมื่อได้ชำ ระค่าขึ้นศาลแล้ว ถ้าทุนทรัพย์แห่งคำ ฟ้องหรือคำ ฟ้องอุทธรณ์หรือคำ ฟ้องฎีกาทวีขึ้นโดยการยื่นคำ ฟ้องเพิ่มเติมหรือโดยประการอื่น
ให้เรียกค่าขึ้นศาลเพิ่มขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในตารางท้ายประมวลกฎหมายนี้เมื่อยื่นคำ ฟ้องเพิ่มเติมหรือภายในระยะเวลาที่ศาลเห็นสมควร
แล้วแต่กรณี
ถ้าเนื่องจากศาลได้มีคำ สั่งให้พิจารณาคดีรวมกันหรือให้แยกคดีกัน
คำ ฟ้องใดหรือข้อหาอันมีอยู่ในคำ ฟ้องใดจะต้องโอนไปยังศาลอื่น
หรือจะต้องกลับยื่นต่อศาลนั้นใหม่ หรือต่อศาลอื่นเป็นคดีเรื่องหนึ่งต่างหาก
ให้โจทก็ได้รับผ่อนผันไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลในการยื่น หรือกลับยื่นคำ ฟ้องหรือข้อหาเช่นว่านั้น เว้นแต่จำ นวนทุนทรัพย์หรือราคาทรัพย์แห่งคำ ฟ้อง หรือข้อหานั้นจะได้ทวีขึ้น
ในกรณีเช่นนี้ ค่าขึ้นศาลเฉพาะที่ทวีขึ้นให้คำ นวณและชำ ระตามที่บัญญัติไว้ในวรรคก่อน
ในกรณีที่บุคคลซึ่งเป็นคู่ความร่วมในคดีที่มูลความแห่งคดีเป็นการชำ ระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ต่างยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาแยกกัน
โดยต่างได้เสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาตามความในวรรคสอง หาก ค่าขึ้นศาลดังกล่าวเมื่อรวมกันแล้วมีจำ นวนสูงกว่าค่าขึ้นศาลที่คู่ความเหล่านั้นต้องชำ ระในกรณีที่ยื่นอุทธรณ์หรือฎีการ่วมกัน
ให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา แล้วแต่กรณี มีคำ สั่งคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่คู่ความเหล่านั้นตาม
ส่วนของค่าขึ้นศาลที่คู่ความแต่ละคนได้ชำ ระไปในเวลาที่ศาลนั้นมีคำ พิพากษาหรือคำ สั่ง
0 Comments
แสดงความคิดเห็น