คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๘๖๐/๒๕๖๒
การบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือของผู้แทนผู้ครอบครองไปยังผู้ครอบครองว่าตนไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทน
ผู้ครอบครองต่อไปซึ่งจะมีผลให้บุคคลผู้ยึดถือทรัพย์สินได้สิทธิครอบครอง
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๑ ประกอบมาตรา ๑๓๖๗ นั้น จะต้องเป็นการยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองโดยชอบ
หรือมีนิติสัมพันธ์ต่อกันและแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ
มาเป็นการยึดถือเพื่อตน จึงจะถือว่าเป็นการแย่งการครอบครองซึ่งผู้ครอบครองต้องฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองตามมาตรา
๑๓๗ ๕ วรรคสอง
จำเลยมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษาให้จำเลยซึ่งครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของ
ส. ด้วยการคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส. แต่จำเลย ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ
คงครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์ตลอดมา อันเป็นการครอบครองโดยไม่ชอบ จำเลยไม่ใช่บุคคลยึดถือทรัพย์สินอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๑
ไม่มีสิทธิที่จะแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือทรัพย์สินแทนมาเป็นการยึดถือเพื่อตนอันจะเป็นการแย่งการครอบครองตามมาตรา
๑๓๗๕ วรรคสอง โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะบังคับคดีให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา
แม้จำเลยยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าหลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษาจำเลยยังคงยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทและจำเลยมีหนังสือบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือที่ดินพิพาทมาเป็นการยึดถือเพื่อตนก็ตาม
ก็เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อมิให้ตนต้องถูกบังคับตามคำพิพากษาศาลฎีกา โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารให้ออกจากที่ดินพิพาท
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๓๘๑
บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครอง
บุคคลนั้นจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้
ก็แต่โดยบอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบ
ครองต่อไป หรือตนเองเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต อาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอก
มาตรา ๑๓๗๕
ถ้าผู้ครอบครองถูกแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายไซร้ท่านว่าผู้ครอบครองมีสิทธิจะได้คืนซึ่งการครอบครอง
เว้นแต่อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเหนือทรัพย์สินดีกว่าซึ่งจะเป็นเหตุให้เรียกคืนจากผู้ครอบครองได้
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น
ท่านว่าต้องฟ้องภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง
0 Comments
แสดงความคิดเห็น