คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๙๓๖/๒๕๖๒
แม้ก่อนเกิดเหตุผู้ตายทำร้ายจำเลยฝ่ายเดียวด้วยการชกต่อย
และบีบคอจำเลย ถือว่าภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้เกิดขึ้นแล้วก็ตาม
แต่หลังจากเด็กชาย ช. วิ่งออกจากบ้านเข้ามาดึงแยกจำเลยออกจากผู้ตายแล้ว จำเลยก็วิ่งเข้าไปในบ้าน
ส่วนผู้ตายวิ่งไปที่รถจักรยานยนต์ ถือได้ว่าภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่มีต่อจำเลยได้หมดไปแล้ว
เหตุที่จำเลยจะใช้อ้างเพื่อกระทำการป้องกันสิทธิของตนย่อมหมดไปด้วย แม้ขณะที่จำเลยวิ่งกลับเข้าไปภายในบ้านจะได้ยินผู้ตายตะโกนพูดว่า
ถึงตายแน่ และเมื่อกลับออกมาเห็นผู้ตายยืนเปิดเบาะล้วงเข้าไปหยิบของในกล่องใต้เบาะรถจักรยานยนต์ก็ตาม
แต่ในการกลับออกมานี้ จำเลยออกมาพร้อมถืออาวุธปืนมาด้วยแล้วใช้อาวุธปืนจ้องเล็งยิงไปที่ผู้ตาย
๑ นัด ทันที โดยไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้กระทำการใดเลย จำเลยไม่อาจอ้างเหตุความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงโดยเข้าใจว่ากล่องใต้เบาะรถจักรยานยนต์ของผู้ตายมีอาวุธปืนอยู่และผู้ตายล้วงลงไปเพื่อนำอาวุธ
ปืนออกมายิงจำเลยได้ แต่การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากการที่ถูกผู้ตายชกต่อยและบีบคอฝ่ายเดียวซึ่งถือว่าเป็นการข่มเหงจำเลยด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมย่อมก่อให้เกิดโทสะแก่จำเลย
การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดโดย บันดาลโทสะ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๒
เพิ่มเติม
ฎีกาที่
๕๔๘๖/๒๕๖๐ จำเลยเห็นผู้ตายขณะมีเพศสัมพันธ์กับภริยาจำเลยจึงเข้าไปชกต่อยต่อสู้กับผู้ตาย
เมื่อจำเลยเพลี่ยงพล้ำ ภริยาจำเลยและผู้ตายรีบสวมใส่กางเกง
แล้วภริยาจำเลยไปติดเครื่องรถจักรยานยนต์และเรียกผู้ตายขึ้นรถ ผู้ตายก็รีบไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ภริยาจำเลยขับออกไป
เช่นนี้ภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้ผ่านพ้นไปแล้ว
การที่จำเลยวิ่งตามไปทันทีแล้วใช้ไม้และเสียมตีผู้ตายจึงไม่อาจอ้างว่าเป็นการป้องกันสิทธิของตนได้
แต่เป็นการกระทำต่อเนื่องกระชั้นชิดกับเหตุการณ์ที่จำเลยเห็นผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
การที่จำเลยใช้ไม้และเสียมตีผู้ตายในขณะนั้น
จึงเป็นการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา
๗๒ หาใช่เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุไม่
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๖๘
ผู้ใดต้องกระทำ การใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย
และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำ พอสมควรแก่เหตุ
การกระทำ นั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ผู้นั้นไม่มีความผิด
มาตรา ๗๒
ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำ ความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น
ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำ หนดไว้สำ หรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น