คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๒๖๕/๒๕๖๓
ดอกเบี้ยของเงินที่พนักงานอัยการโจทก์มีคำขอให้ใช้ราคาแทนทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ยังไม่ได้รับคืนเป็นค่าเสียหายในทางทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสอง
ซึ่งพนักงานอัยการจะมีคำขอเรียกดอกเบี้ยแทนโจทก์ร่วมไม่ได้ โจทก์ร่วมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
ในส่วนดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวนดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๔๔/๑ วรรคหนึ่ง ส่วนค่าขาดประโยชน์
ค่าเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์และติดตามรถคืน และ ค่าซ่อมรถ
มิใช่ค่าเสียหายในทางทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสอง
โจทก์ร่วมไม่อาจยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้คืนได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๔/๑
ตามฎีกานี้
พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องจำเลยว่า ลักเอารถยนต์กระบะของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๘๓, ๓๓๕
และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน ๙๗๗,๒๕๖
บาท แก่ผู้เสียหาย(โจทก์ร่วม) ทางพิจารณาได้ความว่า
การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการร่วมกันยักยอก
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
“ค่าขาดประโยชน์ ค่าเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์และติดตามรถคืน และค่าซ่อมรถนั้น
ไม่ใช่ทรัพย์สินหรือราคาที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิด”
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๔๔/๑
ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ถ้าผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทน
เพราะเหตุได้รับอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือได้รับความเสื่อมเสียต่อเสรีภาพในร่างกายชื่อเสียงหรือ
ได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลย
ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องต่อศาลที่พิจารณาคดีอาญาขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนก็ได้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น