คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๐๗๐/๒๕๖๓
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๙ มาตรา ๘๘ มาตรา ๘๙ มาตรา ๙๑ และมาตรา ๙๒ ให้อำนาจคณะกรรมการ
ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยเฉพาะข้อกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา
และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒
เท่านั้น ไม่มีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงและชี้มูลความผิดทางวินัยในการกระทำความผิดอื่นนอกเหนือจากความผิดทั้งสามกรณีได้
การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดของโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยซึ่งเป็น
รัฐวิสาหกิจอยู่ในความหมายว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔ ตามสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานขององค์คณะพนักงานไต่สวนที่ได้รับมอบหมายจาก
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า การกระทำของโจทก์มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรงฐานจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ แบบแผน ข้อบังคับ หรือคำสั่งของธนาคาร เป็นเหตุให้ธนาคารเสียหายอย่างร้ายแรง
และฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต อาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมเพื่อหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่นตามระเบียบของธนาคารออมสิน
ฉบับที่ ๓๕๓ ว่าด้วยวินัยของพนักงานธนาคาร ออมสิน ข้อ ๖ วรรคสอง และข้อ ๘ วรรคแรก
ไม่มีมูลความผิดทางอาญาฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมตามที่ถูกกล่าวหา จึงเป็นการกระทำที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ที่ชี้มูลความผิดทางวินัยโจทก์ เป็นการกระทำที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๙ มาตรา ๘๘ มาตรา ๘๙, มาตรา ๙๑ และมาตรา ๙๒ ไม่มีผลผูกพันธนาคารรัฐวิสาหกิจจำเลยซึ่งเป็น
ผู้บังคับบัญชาของโจทก์ จำเลยไม่อาจอาศัยมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ที่ชี้มูลความผิดทางวินัยโจทก์มาเป็นส่วนหนึ่งของสำนวนการสอบสวนเพื่อลงโทษโจทก์ได้
การที่จำเลยมีคำสั่งลงโทษโจทก์ให้ออกจากตำแหน่งตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
จึงเป็นคำสั่งเลิกจ้างที่ไม่ชอบ เมื่อโจทก์ไม่ได้ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว
ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้กระทำความผิดตาม
ประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ
โจทก์มีสิทธิได้รับค่าชดเชย
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๑๙ คณะกรรมการ ป.ป.ช.
มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๓) ไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐร่ำรวยผิดปกติ
กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำ
ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรา ๒๘ คณะกรรมการ ป.ป.ช.
มีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้
(๑) ไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีการกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
(๒) ไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐร่ำรวยผิดปกติ
กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
(๓) กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมทั้งตรวจสอบและเปิดเผยผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของบุคคลดังกล่าว
(๔) ไต่สวนเพื่อดำเนินคดีในฐานความผิดอื่นที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้กำหนด
หรือที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
(๕) หน้าที่และอำนาจอื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้หรือกฎหมายอื่น
ในการดำเนินการตาม (๔) ในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะดำเนินการเอง หรือมอบหมายให้หน่วยงานที่ มีหน้าที่และอำนาจในการดำเนินการเป็นผู้ดำเนินการก็ได้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น