คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๙๓/๒๕๖๔

               โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์ของกลางตัดหน้ารถยนต์ ของ ส. และแซงตัดหน้าเพื่อจะหยุดรถในระยะกระชั้นชิด ทั้งยังขับปาดซ้ายปาดขวาไปมาในลักษณะไม่ยอมให้ ส. ขับรถหลบหลีกรถของจำเลยออกไปได้ เป็นการขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และเป็นการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพแล้ว ข้อเท็จจริงย่อมรับฟังได้ตามที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้รถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรงตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๔) (๔), ๑๕๗, ๑๖๐ วรรคสาม ศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ (๑)

 

เพิ่มเติม

               ฎีกาที่ ๖๕๖๖/๒๕๖๒ อาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิดที่กฎหมายกำหนดให้ต้องริบเสียทั้งสิ้นตาม ป.อ. มาตรา ๓๒ แต่เป็นทรัพย์ซึ่งจำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ใน การกระทำความผิดซึ่งศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจที่จะสั่งให้ริบหรือไม่ริบก็ได้ตามมาตรา 33 (1)

 

ประมวลกฎหมายอาญา

               มาตรา ๓๓ ในการริบทรัพย์สิน นอกจากศาลจะมีอำนาจริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบทรัพย์สินดังต่อไปนี้อีกด้วย คือ

               (๑) ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือ

               (๒) ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยได้กระทำความผิด

               เว้นแต่ทรัพย์สินเหล่านี้เป็นทรัพย์สินของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด