คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๓๘๖/๒๕๖๓
ผู้เสียหายแก้วหูซ้ายแตก เยื่อหุ้มสมองฝั่งขวาอักเสบ
แพทย์ลงความเห็นว่าควรพักรักษาตัวประมาณ ๓๐ วัน
ผู้เสียหายพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ๔ วัน แล้วกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน
โดยไม่สามารถประกอบอาชีพและมีอาการปวดหัวตลอดเวลา
แพทย์ได้ตรวจผู้เสียหายด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์สมองไม่พบกะโหลกศีรษะแตกหรือเลือดออกสมอง
โดยผู้เสียหายต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีก ๓ วัน อาการจนถึงปัจจุบันยังไม่กลับเป็นปกติ หน้ามืดเป็นประจำ
เป็นเหตุไม่สามารถประกอบอาชีพเป็นผู้ฝึกสอนการออกกำลังกายได้ อาการของผู้เสียหายที่เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน เป็นอาการสมองถูกกระทบกระเทือนบวมช้ำเล็กน้อย
ซึ่งไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจคอมพิวเตอร์สมองและอาการจะหายไปได้ภายใน ๒ ถึง ๓
วัน แต่หลังจากนั้นมีอาการคลื่นไส้อาเจียนอีก แสดงว่าสมองบวมช้ำเพิ่มขึ้นอีก
แม้ผู้เสียหายสามารถขับรถยนต์ได้แต่ก็อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ฟังได้ว่าผู้เสียหายป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาหรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน
ซึ่งเป็นผลธรรมดาย่อมเกิดขึ้นได้จากการกระทำความผิดของจำเลย
จำเลยต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๓
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ (๘) (เดิม)
เพิ่มเติม
ฎีกาที่ ๓๑๓/๒๕๒๙ (ประชุมใหญ่)
ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตาม ป.อ.มาตรา ๒๙๗
เป็นเหตุทำให้ผู้กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา ๒๙๕
ต้องรับโทษหนักขึ้นเพราะผลที่เกิดจากการกระทำโดยที่ผู้กระทำไม่จำต้องมีเจตนาต่อผลที่ทำให้ต้องรับโทษหนักขึ้นตัวการที่ร่วมทำร้าย แม้จะไม่มีเจตนาให้ผู้นั้นได้รับอันตรายสาหัส หรือมิได้เป็นผู้ลงมือกระทำให้เกิดผลขึ้น
ก็ต้องรับผิดในผลนั้นด้วย
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๖๓ ถ้าผลของการกระทำความผิดใดทำให้ผู้กระทำต้องรับโทษหนักขึ้น
ผลของการกระทำความผิดนั้นต้องเป็นผลที่ตามธรรมดาย่อมเกิดขึ้นได้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น