คำพิพากษาฎีกาที่ ๗๕๔๒/๒๕๖๒ 

               ผู้ร้องและผู้คัดค้านตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้ว คำพิพากษายอมของศาลชั้นต้นย่อมผูกพันผู้ร้องและผู้คัดค้าน และเมื่อคดีไม่มีการอุทธรณ์ฎีกาคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกสัญญาประนีประนอมยอมความที่มีคำพิพากษาตามยอมแล้วมีคำพิพากษาคดีใหม่มิใช่การพิจารณาคดีใหม่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้นจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจยกเลิกสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมแล้วมีคำพิพากษาใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ (๕)

               ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงาน บังคับคดี ต่อมาผู้ร้องและผู้คัดค้านแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าไม่สามารถ ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้เนื่องจากจำนวนเงินที่จะ ให้ผู้ร้องไปไถ่ถอนจำนองพร้อมกับผู้คัดค้านไม่ตรงกัน ขอยกเลิกสัญญา ประนีประนอมยอมความนั้นเป็นเรื่องในชั้นบังคับคดี มิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความไม่เป็นไปตามความประสงค์ของคู่ความ ทั้งหากผู้ร้องและผู้คัดค้านเห็นว่าเป็นกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตาม สัญญาประนีประนอมยอมความได้ หรือสัญญาประนีประนอมยอมความไม่มีผลบังคับหรือไม่ อย่างไร เป็นเรื่องที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านจะต้องว่ากล่าวกันต่อไป

 

เพิ่มเติม

               ฎีกาที่ ๒๐๔๕/๒๕๒๖ แม้โจทก์คดีนี้เป็นคนละคนกับโจทก์ในคดีเดิม แต่โจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทสืบต่อมาจากโจทก์ในคดีเดิม และจำเลยเป็นคู่ความคนเดียวกับจำเลยในคดีเดิม คำพิพากษาในคดีเดิมที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทจึงมีผลผูกพันจำเลยในคดีนี้ด้วย

 

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

               มาตรา ๑๔๕ วรรคหนึ่งมาตรา ๑๔๕  ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการอุทธรณ์ฎีกา และการพิจารณาใหม่ คำพิพากษาหรือคำสั่งใด ๆ ให้ถือว่าผูกพันคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่ง นับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษาหรือมีคำสั่ง จนถึงวันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสีย ถ้าหากมี

               มาตรา ๑๔๒  คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลที่ชี้ขาดคดีต้องตัดสินตามข้อหาในคำฟ้องทุกข้อ แต่ห้ามมิให้พิพากษาหรือทำคำสั่งให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง เว้นแต่      

               (๕) ในคดีที่อาจยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างได้นั้น เมื่อศาลเห็นสมควร ศาลจะยกข้อเหล่านั้นขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปก็ได้