คำพิพากษาฎีกาที่ ๘๓๓๓/๒๕๖๐
ภายหลังจำเลยกับ ส. จดทะเบียนหย่าแล้ว จำเลยกับ ส. ยังคงอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน
ทั้งจำเลยยังเป็นผู้ดูแล ส. เมื่อยามเจ็บไข้
รับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จนกระทั่ง ส. ถึงแก่ความตาย
แสดงว่าการจดทะเบียนหย่าระหว่างจำเลยกับ ส. กระทำขึ้นโดยมีเจตนาที่จะไม่ประสงค์ให้ผูกพันตามนั้น จึงเป็นโมฆะ ใช้บังคับมิได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๕๕ วรรคหนึ่ง แม้จำเลยอ้างว่า
เหตุที่จำเลยจดทะเบียนหย่าเพราะเหตุผลทางธุรกิจการค้าของจำเลยแตกต่างจากเหตุผลการหย่าในคำให้การ ก็ไม่ทำให้ข้อต่อสู้ของจำเลยเสียไป เพราะเหตุผลการหย่าไม่ได้เป็นสาระสำคัญ สาระสำคัญอยู่ที่การแสดงเจตนา
เมื่อการจดทะเบียนหย่าเป็นโมฆะ การสมรสยังคงมีอยู่ มีผลทำให้บันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าเกี่ยวกับการยกที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้แก่
ส. ใช้บังคับมิได้ จำเลยอ้างความเป็นโมฆะใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นทายาทรับมรดกของ
ส. ที่จะต้องรับไปทั้งสิทธิและความรับผิดต่าง ๆ ได้ ประกอบกับโจทก์มิใช่บุคคลภายนอก
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๕๕ วรรคหนึ่ง “การแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งเป็นโมฆะ แต่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริต และต้องเสียหายจากการแสดงเจตนาลวงนั้นมิได้”
0 Comments
แสดงความคิดเห็น