คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๒๐๔/๒๕๖๔ 

               แม้ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินที่ ส. ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ ส. ไม่อาจนำไปโอนขายให้แก่บุคคลใดรวมทั้งโจทก์ร่วม การที่ ส. ผิดเงื่อนไขการอนุญาตให้ทำประโยชน์จะ ทำให้ ส. สิ้นสิทธิการทำประโยชน์ในที่ดินที่ได้รับมอบจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือไม่ อย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะดำเนินการกับ ส. ตามพระราช บัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ต่อไป แต่โจทก์ร่วมเข้าไปปลูกต้นยางพาราในที่ดินพิพาทโดยได้รับความยินยอมจาก ส. และจำเลยทั้งสองก็ทราบดีว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้ปลูกต้นยางพารา การที่ จำเลยทั้งสองเข้าไปเอาน้ำยางจากต้นยางพาราเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑ (๑) การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และร่วมกันลักทรัพย์บรรดาที่เป็นผลิตภัณฑ์ พืชพันธุ์ อันได้มาจากการกสิกรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑) (๗) และ (๑๒)

 

เพิ่มเติม

               ฎีกาที่ ๑๐๑๒๙/๒๕๕๗ ที่ดินเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งไม่อาจโอนให้แก่กันได้โดยชอบด้วยกฎหมาย การที่ ช. ปลูกต้นยางพาราในที่ดินดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้นยางพาราดังกล่าวจึงเป็นไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ไม่ใช่ทรัพย์ของ ช. แม้ผู้เสียหายซื้อต้นยางพาราจาก ก. บุตรเขยของ ช. ต้นยางพาราดังกล่าวก็ไม่ใช่ทรัพย์ของผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายยังไม่ได้เข้าไปกรีดเอาน้ำยางซึ่งเป็นของป่าจากต้นยางพาราดังกล่าว จึงยังไม่มีการยึดถือเอาน้ำยางเป็นของตน การที่จำเลยเข้าไปเอาน้ำยางจากต้นยางพาราดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ของผู้มีอาชีพกสิกรรมโดยผู้เสียหายตาม ป.อ. มาตรา ๓๓๕ (๑๒) วรรคแรก

 

ประมวลกฎหมายอาญา

               มาตรา ๓๓๕ ผู้ใดลักทรัพย์

               (๑๒) ที่เป็นของผู้มีอาชีพกสิกรรม บรรดาที่เป็นผลิตภัณฑ์ พืชพันธุ์ สัตว์หรือเครื่องมืออันมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรมหรือได้มาจากการกสิกรรมนั้น