คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๔๐๕/๒๕๖๔
การจดทะเบียนซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับ
ธ. ครั้งแรก
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าเป็นโมฆียะกรรมและโจทก์บอกล้างแล้ว
ตกเป็นโมฆะกรรม โจทก์ไม่อาจอ้างการให้สัตยาบันแก่กันได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒ การซื้อขายในครั้งหลังที่โจทก์อ้างว่าตกลงกันให้ถือเอาการจดทะเบียนซื้อขายครั้งแรกเป็นเป็นการจดทะเบียนการซื้อขายในครั้งหลังจึงทำไม่ได้
มีผลเท่ากับว่าไม่มีการจดทะเบียนซื้อขายที่ดิน รวมถึงที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับ
ธ. ข้อตกลงกันระหว่างโจทก์ กับ ธ. ภายหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาว่า
ทั้งสองฝ่ายตกลงกันที่จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล
เป็นเพียงข้อตกลงระหว่างคู่กรณี
แต่ไม่อาจจะตกลงกันให้นิติกรรมที่มีคำพิพากษาว่าเป็นโมฆะแล้ว
กลับเป็นนิติกรรมที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้ นอกเสียจากมีการทำนิติกรรม
และจดทะเบียนกันขึ้นใหม่
ตามฎีกานี้ มีผลว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท
โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
ซึ่งจำเลยอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ (ดู ป.พ.พ.มาตรา ๑๒๙๙ วรรคสอง,
มาตรา ๑๓๘๒)
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๗๒ โมฆะกรรมนั้นไม่อาจให้สัตยาบันแก่กันได้ และผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะยกความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมขึ้นกล่าวอ้างก็ได้
ถ้าจะต้องคืนทรัพย์สินอันเกิดจากโมฆะกรรม
ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้แห่งประมวลกฎหมายนี้มาใช้บังคับ
0 Comments
แสดงความคิดเห็น