คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๕๐๔/๒๕๖๔
ผู้ร้องทั้งสองดำเนินคดีอย่างคดีไม่มีข้อพิพาท
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘๘
โดยเริ่มคดีด้วยการยื่นคำร้องขอซึ่งในการดำเนินคดีอย่างคดีไม่มีข้อพิพาท
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไม่มีบทบัญญัติให้ต้องมีการส่งหมายและสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้ใด
ส่วนที่ผู้มีส่วนได้เสียทั้งห้าอ้างว่า
พินัยกรรมที่ผู้ร้องทั้งสองข้างและมติของทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรมของผู้ตาย
เป็นโมฆะ ผู้มีส่วนได้เสียทั้งห้ามิได้ถูกตัดมิให้รับมรดกตามพินัยกรรม
และผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอโดยไม่สุจริต อันเป็นการกล่าวอ้างว่าผู้ร้องทั้งสองนำพินัยกรรมที่เป็นโมฆะมาร้องขอจัดการมรดกและมีเหตุที่ผู้ร้องทั้งสองไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดก
ผู้มีส่วนได้เสียทั้งห้าก็ชอบที่จะร้องเกี่ยวกับเหตุดังกล่าวมิใช่ดำเนินคดีด้วยการขอเพิกถอนกระบวนพิจารณา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๑๘๘ ในคดีที่ไม่มีข้อพิพาท
ให้ใช้ข้อบังคับต่อไปนี้
(๑)
ให้เริ่มคดีโดยยื่นคำร้องขอต่อศาล
(๒)
ศาลอาจเรียกพยานมาสืบได้เองตามที่เห็นจำเป็น
และวินิจฉัยชี้ขาดตามที่เห็นสมควรและยุติธรรม
(๓)
ทางแก้แห่งคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลนั้นให้ใช้ได้แต่โดยวิธียื่นอุทธรณ์หรือฎีกาเท่านั้น
และให้อุทธรณ์ฎีกาได้แต่เฉพาะในสองกรณีต่อไปนี้
(ก)
ถ้าศาลได้ยกคำร้องขอของคู่ความฝ่ายที่เริ่มคดีเสียทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือ
(ข)
ในเหตุที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการพิจารณาหรือพิพากษาหรือคำสั่ง
(๔)
ถ้าบุคคลอื่นใดนอกจากคู่ความที่ได้ยื่นฟ้องคดีอันไม่มีข้อพิพาทได้เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีโดยตรงหรือโดยอ้อม
ให้ถือว่าบุคคลเช่นว่ามานี้เป็นคู่ความ
และให้ดำเนินคดีไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยคดีอันมีข้อพิพาท
แต่ในคดีที่ยื่นคำร้องขอต่อศาล เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ให้คำอนุญาตที่ผู้แทนโดยชอบธรรมได้ปฏิเสธเสียหรือให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถอนคืนคำอนุญาตอันได้ให้ไว้แก่ผู้ไร้ความสามารถนั้น
ให้ถือว่าเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท
แม้ถึงว่าผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้ไร้ความสามารถนั้นจะได้มาศาล
และแสดงข้อคัดค้านในการให้คำอนุญาตหรือถอนคืนคำอนุญาตเช่นว่านั้น
0 Comments
แสดงความคิดเห็น