คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๔๘/๒๕๖๕
เมื่อโจทก์ทั้งสองเห็นว่าตนได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอม
โดยชำระเงินจำนวน ๖๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่จำเลยแล้ว
จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองและส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดินที่จำนองแก่โจทก์ทั้งสองตามคำพิพากษาตามยอม
โจทก์ทั้งสองชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมซึ่งเป็นคำร้องขอที่เสนอเกี่ยวเนื่องกับการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาล
ซึ่งคำร้องขอนั้นจำต้องมีคำวินิจฉัยของศาลก่อนที่การบังคับคดีจะดำเนินไปได้โดยครบถ้วนและถูกต้องซึ่งต้องร้องขอเข้าไปในคดีเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๗ (๒)
อันเป็นการร้องขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินการในชั้นบังคับคดีในคดีก่อนโดยไต่สวนข้อโต้แย้งของโจทก์ทั้งสองและจำเลยเกี่ยวกับการปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอม
หากได้ความตามข้ออ้างของโจทก์ทั้งสอง ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะมีคำสั่งกำหนดวิธีการบังคับคดีแก่จำเลยตามบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีในหนี้กระทำการตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๓๕๗ และมาตรา ๓๕๘ หากไม่ได้ความดังกล่าวศาลชั้นต้นก็ชอบที่
จะยกคำร้องของโจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองไม่อาจนำข้อพิพาทในชั้นบังคับคดีมาฟ้องร้องจำเลยให้รับผิดตามสัญญาประนีประนอม
ยอมความซึ่งได้มีคำพิพากษาตามยอมเป็นคดีใหม่ได้ โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้
เพิ่มเติม
ฎีกาที่ ๔๐๘๖/๒๕๕๙
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ก่อนที่ พ. มารดาโจทก์จะถึงแก่ความตาย
โจทก์และจำเลยเคยร่วมกันทำข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินของ พ. ไว้ในคดีแพ่ง
โดยทั้งสองฝ่ายตกลงยกที่ดิน ซึ่งเป็นทรัพย์ของ พ.
ให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ประสงค์จะขอรับโอนที่ดินแปลงดังกล่าว
แต่จำเลยไม่ยอมดำเนินการให้ ดังนี้
คำฟ้องดังกล่าวจึงเป็นคำฟ้องที่โจทก์ประสงค์จะให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมแล้ว
โดยอ้างว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมและสัญญาประนีประนอมยอมความ
จึงเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นบังคับคดีในคดีเดิมตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๗
(๒) และมาตรา ๓๐๒ วรรคหนึ่ง มิใช่มาฟ้องเป็นคดีใหม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๗
บทบัญญัติในมาตรา ๔ มาตรา ๔ ทวิ มาตรา ๔ ตรี มาตรา ๔ จัตวา มาตรา ๔ เบญจ มาตรา ๔ ฉ
มาตรา ๕ มาตรา ๖ และมาตรา ๖/๑ ต้องอยู่ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติดังต่อไปนี้
(๑)
คำฟ้องหรือคำร้องขอที่เสนอภายหลังเกี่ยวเนื่องกับคดีที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลใดให้เสนอต่อศาลนั้น
(๒)
คำฟ้องหรือคำร้องขอที่เสนอเกี่ยวเนื่องกับการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลซึ่งคำฟ้องหรือคำร้องขอนั้นจำต้องมีคำวินิจฉัยของศาลก่อนที่การบังคับคดีจะได้ดำเนินไปได้โดยครบถ้วนและถูกต้องนั้น
ให้เสนอต่อศาลที่กำหนดไว้ในมาตรา ๒๗๑
(๓) คำร้องตามมาตรา
๑๐๑ ถ้าได้เสนอคำฟ้องหรือคำร้องขอต่อศาลใดแล้ว
ให้เสนอต่อศาลนั้นในกรณีที่ยังไม่ได้เสนอคำฟ้องหรือคำร้องขอต่อศาลใด
ถ้าพยานหลักฐานซึ่งจะเรียกมาสืบหรือบุคคลหรือทรัพย์หรือสถานที่ที่จะต้องตรวจอยู่ในเขตศาลใด
ให้เสนอต่อศาลนั้น
(๔)
คำร้องที่เสนอให้ศาลถอนคืนหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือการอนุญาตที่ศาลได้ให้ไว้ก็ดีคำร้องที่เสนอให้ศาลถอดถอนบุคคลใดจากฐานะที่ศาลได้แต่งตั้งไว้ก็ดี
คำร้องที่เสนอให้ศาลมีคำสั่งใดที่เกี่ยวกับการถอนคืนหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือการอนุญาตหรือที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งเช่นว่านั้นก็ดีคำร้องขอหรือคำร้องอื่นใดที่เสนอเกี่ยวเนื่องกับคดีที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งไปแล้วก็ดี
ให้เสนอต่อศาลในคดีที่ได้มีคำสั่ง การอนุญาต การแต่งตั้ง หรือคำพิพากษานั้น
0 Comments
แสดงความคิดเห็น