คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๔๗๑/๒๕๖๕
ส. บุตรโจทก์และจําเลยภริยา ส.
ปลูกสร้างบ้านพิพาทบน ที่ดินที่โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยได้รับอนุญาตจากโจทก์
บ้านพิพาทย่อมไม่ใช่ส่วนควบของที่ดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๔
บ้านพิพาทจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของ ส. และจําเลย โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาท
แม้ภายหลัง ส. ถึงแก่ความตายโจทก์
ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิในบ้านส่วนที่เป็นมรดกของ ส.
ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ก็ตาม
แต่การที่จําเลยปลูกสร้างบ้านพิพาทบนที่ดินที่โจทก์มีกรรมสิทธิ์โดยได้รับความยินยอมจากโจทก์ย่อมก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินเป็นคุณแก่จําเลยโดยไม่มีกําหนดเวลา
เมื่อสิทธิเหนือพื้นดินดังกล่าวไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่
สิทธิเหนือพื้นดินนั้นจึงเป็นเพียงบุคคลสิทธิระหว่างโจทก์เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินกับจําเลย
โจทก์ชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเสียในเวลาใดก็ได้ เพียงแต่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าแก่อีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๑๓
โจทก์มอบหมายให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวให้จําเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างภายใน
๑๕ วัน นับแต่วันได้รับหนังสือ เนื้อความระบุว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
บ้านพิพาทไม่ประสงค์ให้จําเลยอยู่อาศัย ให้จําเลยขนย้ายทรัพย์สิน
และบริวารออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
โดยไม่มีข้อความบอกเลิกสิทธิเหนือพื้นดินให้จําเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์
ทั้งการบอกเลิกโดยกำหนดระยะเวลาขนย้ายเพียง ๑๕ วัน นับว่าโจทก์ได้ให้เวลาแก่จําเลยน้อยเกินสมควร
ถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกเลิกสิทธิเหนือพื้นดินเป็นคุณแก่จําเลย
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๑๓ การบอกเลิกของโจทก์ไม่ชอบ
โจทก์ไม่มีอานาจฟ้องขับไล่ให้จําเลยขนย้ายบริวารออกไปจากบ้านพิพาทและส่งมอบบ้านคืนให้แก่โจทก์
หมายเหตุ
ฎีกาที่ ๑๔๘๑๑/๒๕๕๘
จำเลยปลูกสร้างบ้านหรือโรงเรือนบนที่ดินพิพาทที่โจทก์มีกรรมสิทธิ์รวมโดยได้รับความยินยอมจากโจทก์
ย่อมก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินเป็นคุณแก่จำเลยโดยไม่มีกำหนดเวลา
เมื่อสิทธิเหนือพื้นดินดังกล่าวไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่
สิทธิเหนือพื้นดินนั้นจึงเป็นเพียงบุคคลสิทธิระหว่างโจทก์เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมกับจำเลย
โจทก์ชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเสียในเวลาใดก็ได้
เพียงแต่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าแก่อีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๑๓
เท่านั้น การที่โจทก์มอบหมายให้ทนายความมีหนังสือบอกเลิกสิทธิเหนือที่ดินให้จำเลยรื้อถอนขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินพิพาทภายใน
๓๐ วัน นับว่าโจทก์ได้ให้เวลาแก่จำเลยพอสมควรแล้ว
สิทธิเหนือพื้นดินของจำเลยย่อมระงับสิ้นไปทันทีที่สิ้นสุดกำหนดเวลานั้น
เมื่อพ้นกำหนดเวลาที่โจทก์แจ้งให้จำเลยออกจากที่ดินพิพาทแล้วจำเลยยังคงอยู่ในที่ดินพิพาทต่อมาโดยไม่มีสิทธิที่จะอ้างได้ตามกฎหมายเป็นการละเมิดต่อโจทก์
โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินพิพาทและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๔๔ ส่วนควบของทรัพย์ หมายความว่า
ส่วนซึ่งโดยสภาพแห่งทรัพย์หรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของทรัพย์นั้น
และไม่อาจแยกจากกันได้นอกจากจะทำลาย ทำให้บุบสลาย
หรือทำให้ทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือสภาพไป
เจ้าของทรัพย์ย่อมมีกรรมสิทธิ์ในส่วนควบของทรัพย์นั้น
มาตรา ๑๔๑๐ เจ้าของที่ดินอาจก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินเป็นคุณแก่บุคคลอื่น
โดยให้บุคคลนั้นมีสิทธิเป็นเจ้าของโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง
หรือสิ่งเพาะปลูกบนดินหรือใต้ดินนั้น
มาตรา ๑๔๑๓ ถ้าสิทธิเหนือพื้นดินนั้นไม่มีกำหนดเวลาไซร้
ท่านว่าคู่กรณีฝ่ายใดจะบอกเลิกเสียในเวลาใดก็ได้
แต่ต้องบอกล่วงหน้าแก่อีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร ถ้ามีค่าเช่าซึ่งจำต้องให้แก่กันไซร้
ท่านว่าต้องบอกล่วงหน้าปีหนึ่ง หรือให้ค่าเช่าปีหนึ่ง
0 Comments
แสดงความคิดเห็น