คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๔๑๒/๒๕๖๕(ประชุมใหญ่)
คําฟ้องของโจทก์อ้างว่า
จําเลยที่ ๑ ผิดสัญญาประกันภัยต่อ ๑
โจทก์โดยไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๒๐
ที่กําหนดให้บริษัทผู้รับประกันภัยจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัย
ขอให้จําเลยที่ ๑ ชดใช้เงินค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างของ พ.
ผู้ทําละเมิดใช้แก่ ล. มารดาผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ประสบภัยคืนแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
เป็นการฟ้องให้จําเลย ท ๑ ผู้รับประกันภัยให้รับผิดตามสัญญาประกันภัย
มิใช่กรณีโจทก์เข้ารับช่วงสิทธิของ ล. มารดาผู้ตายมาฟ้องจําเลยที่ ๑
ให้รับผิดในมูล ละเมิด สัญญาประกันภัยระหว่างโจทก์และจําเลยที่ ๑
เป็นต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้เกิดอำนาจฟ้องแก่โจทก์ให้จําเลยที่
๑ รับผิดตามสัญญาประกันภัย สถานที่ทำสัญญาประกันภัย
และออกกรมธรรม์ประกันภัยเป็นสถานที่มูลคดีเกิด
ความรับผิดของจําเลยที่
๑ ตามสัญญาประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ผู้ประสบภัยจากรถบรรทุกคันที่จําเลยที่
๑ รับประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๒๐
เหตุแห่งวินาศภัยอันเกิดจากรถบรรทุกคันที่จําเลยที่ ๑ รับประกันภัยเป็นมูลก่อให้เกิดความรับผิดของจําเลยที่
๑ ตามสัญญาประกันภัย ดังนี้
สถานที่เกิดเหตุวินาศภัยอันเป็นมูลละเมิดเป็นสถานที่มูลคดีเกี่ยวกับความรับผิดตามสัญญาประกันภัยเกิดอีกแห่งหนึ่งนอกเหนือจากสถานที่ทำสัญญาประกันภัย
เมื่อเหตุรถบรรทุกคันที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ ๑ รับประกันภัยไว้จากโจทก์ไปเกิดเหตุชนรถจักรยายนยนต์คันที่ผู้ตายขับเกิดในเขตศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นจึงเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๔ เว้นแต่จะมีบทบัญญัติเป็นอย่างอื่น
(๑) คำฟ้อง
ให้เสนอต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล
หรือต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลไม่ว่าจำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักรหรือไม่
(๒) คำร้องขอ
ให้เสนอต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาล
หรือต่อศาลที่ผู้ร้องมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล
0 Comments
แสดงความคิดเห็น