คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๒๒/๒๕๖๖
กรุงเทพมหานครจําเลยที่
๒ ในคดีนี้ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญา
ข้อเท็จจริงในคําพิพากษาคดีอาญาที่ฟังว่าจําเลยที่ ๑
ขับรถยนต์บรรทุกขยะโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
จึงมีผลผูกพันเฉพาะจําเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้น ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๔๖
ไม่มีผลผูกพันจําเลยที่ ๒ ซึ่งไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญาด้วย เมื่อจําเลยที่ ๒
ในคดีนี้ต่อสู้ว่าเหตุละเมิดไม่ได้เกิดจากความประมาทของจําเลยที่ ๑ จําเลยที่ ๒
มีสิทธินําสืบพยานหลักฐานในคดีนี้ได้ว่าเหตุละเมิดไม่ได้เกิดจากความประมาทของจําเลยที่
๑ มิใช่ว่าจะต้องรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติในคดีนี้ตามข้อเท็จจริงในส่วนคดีอาญาว่าจําเลยที่
๑ เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อโดยรับฟังเป็นอย่างอื่นไม่ได้
หมายเหตุ
ข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง
เฉพาะบุคคลซึ่งเป็นคู่ความในคดีอาญานั้น; โจทก์เป็นผู้เสียหายในคดีอาญา พนักงานอัยการอยู่ในฐานะฟ้องคดีแทนโจทก์
โจทก์จึงต้องผูกพันตามคำพิพากษาในคดีอาญา(ฎีกาที่ ๖๕๙๘/๒๕๓๙), ในคดีอาญาที่พนักงานเป็นโจทก์
คู่ความในคดีแพ่งก็จะต้องเป็นผู้เสียหายในคดีนั้นด้วย(ฎีกาที่ ๔๑๗/๒๕๓๓), คดีอาญาที่รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย
โจทก์ในคดีนี้จึงไม่ใช่ผู้เสียหายในคดีอาญา
ข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์คดีนี้(ฎีกาที่ ๖๒๓๕/๒๕๕๑),
ข้อเท็จจริงในคําพิพากษาคดีอาญาที่ฟังว่าจําเลยที่ ๑
ขับรถยนต์บรรทุกขยะโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
จึงมีผลผูกพันเฉพาะจําเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้น ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๔๖
ไม่มีผลผูกพันจําเลยที่ ๒ ซึ่งไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญาด้วย(ฎีกาที่ ๑๕๒๒/๒๕๖๖)
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๔๖ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
0 Comments
แสดงความคิดเห็น