คำพิพากษาฎีกาที่ ๘๘๕/๒๕๖๖
ตามบันทึกข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจํานองของจําเลยที่
๖ และที่ ๗ มีข้อความทํานองเดียวกันว่า ผู้จํานองตกลงจํานองที่ดิน
และสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้ในเวลานี้และในเวลาใดเวลาหนึ่ง
ในภายหน้าในเรื่องการกู้เงิน การเบิกเงินเกินบัญชี และหนี้ในลักษณะอื่น ๆ
ทุกประเภทที่เป็นหนี้แก่ผู้รับจํานองทั้งหมด ปัญหาว่า “หนี้ในเวลา
ใดเวลาหนึ่งในภายหน้า” หรือ “หนี้ในลักษณะอื่น
ๆ ทุกประเภท หมายความถึง หนี้ในฐานะลูกหนี้ชั้นต้นที่จําเลยที่ ๖ และที่ ๗
เป็นผู้ก่อขึ้นเองในภายหลังและต้องรับผิดต่อโจทก์
หรือหมายความรวมถึงหนี้อุปกรณ์ดังเช่นหนี้ตามสัญญาค้ำประกันทั้งสองรายนี้อันเป็นบุคคลสิทธิ
ระหว่างโจทก์กับจําเลยที่ ๖ และที่ ๗ อันอาจตีความได้หลายนัย
ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๑
การตีความการแสดงเจตนาให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคําสํานวนหรือตัวอักษร
และตามมาตรา ๑๑ ในกรณีที่มีข้อสงสัย
ให้ตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่คู่กรณีฝ่ายซึ่งจะต้องเป็นผู้เสียในมูลหนี้
เมื่อโจทก์กับจําเลยที่ ๖ และที่ ๗ ไม่ได้ระบุความรับผิดให้รวมถึงหนี้ที่จําเลยที่
๖ และที่ ๗ ค้ำประกันหนี้เงินกู้ของจําเลยที่ ๑ ทำไว้แก่โจทก์โดยชัดแจ้งในสัญญา
จํานองและข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจํานองทั้งที่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำได้ คําว่า
“หนี้ในเวลาใดเวลาหนึ่งในภายหน้า” ก็ดี คําว่า
“หนี้ในลักษณะอื่น ๆ ทุกประเภท” ก็ดี
ตามข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจํานองย่อมต้องตีความหมายถึงหนี้ที่จําเลยที่ ๖ และที่ ๗
เป็นลูกหนี้ของโจทก์โดยตรงในฐานะเป็นลูกหนี้ชั้นต้น
ไม่ครอบคลุมถึงหนี้ที่จําเลยที่ ๖ และที่ ทำสัญญาค้ำประกันหนี้เงินกู้ของจําเลยที่
๑ ที่ทำไว้แก่โจทก์ในภายหลัง
เพิ่มเติม
ฎีกาที่ ๗๒๕๗/๒๕๕๗ ปัญหาเกี่ยวกับการตีความการแสดงเจตนาตาม
ป.พ.พ. มาตรา ๑๗๑ ให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษร
และตามมาตรา ๑๑ กรณีที่มีข้อสงสัยให้ตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่คู่กรณีฝ่ายซึ่งจะเป็นผู้ต้องเสียในมูลหนี้นั้น
เมื่อโจทก์ที่ ๑ และจำเลยไม่ได้ระบุให้รวมถึงหนี้ที่โจทก์ที่ ๑
ค้ำประกันหนี้กู้ยืมของบุคคลอื่นที่ทำกับจำเลยไว้ชัดแจ้งในสัญญาจำนองและบันทึกข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองทั้งที่อยู่ในวิสัยทำได้
ดังนั้น คำว่า “หนี้และภาระผูกพันทุกลักษณะและทุกประเภท”
ตามสัญญาจำนองจึงหมายถึงหนี้ที่โจทก์ที่ ๑
เป็นลูกหนี้ของจำเลยโดยตรงในฐานะลูกหนี้ชั้นต้นเท่านั้น
ไม่ครอบคลุมถึงหนี้ที่โจทก์ที่ ๑
ทำสัญญาค้ำประกันหนี้กู้ยืมของบุคคลอื่นที่ทำกับจำเลย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๖๘๐ อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่า
ผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่ง เพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น
อนึ่ง
สัญญาค้ำประกันนั้น
ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญ
ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
0 Comments
แสดงความคิดเห็น