คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๒๓/๒๕๖๖
จําเลยในฐานะผู้จัดการมรดกจดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของ
พ. เจ้ามรดกเป็นของจําเลยในฐานะผู้จัดการมรดก
จําเลยจึงเป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกนั้นในฐานะผู้จัดการมรดกแทนทายาทอื่นรวมถึงโจทก์ด้วย
แม้หลังจากนั้นจําเลยในฐานะผู้จัดการมรดกได้จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทมาเป็นของจำเลยในฐานะส่วนตัวโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจําเลยได้บอกกล่าวไปยังทายาทอื่นทุกคนรวมทั้งโจทก์ด้วยว่าจําเลยไม่มีเจตนายึดถือที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกแทนทายาททุกคนต่อไปตาม
ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๘๑ เช่นนี้ไม่อาจถือได้ว่าจําเลยในฐานะส่วนตัวได้เปลี่ยนเจตนาการครอบครองที่ดินพิพาทจากการครอบครองแทน
ทายาททุกคนมาเป็นการครอบครองในฐานะส่วนตัวเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว
หมายเหตุ
1.
การบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึด
อาจบอกกล่าวเจ้าของรวม คนใดคนหนึ่งก็ได้; โจทก์กับ บ. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาท
โจทก์กับ บ. คนใดคนหนึ่งย่อมมีสิทธิจัดการดูแลที่ดินพิพาททั้งหมดได้ ดังนั้น
การที่จำเลยบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนการยึดถือที่ดินพิพาทไปยังโจทก์ผู้เป็นเจ้าของรวมเพียงผู้เดียว
โดยไม่ได้บอกกล่าวแก่ บ. ด้วย ก็ถือเป็นการบอกกล่าวที่ชอบตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๘๑
แล้ว เพราะไม่จำต้องบอกกล่าวไปยังเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมให้ครบทุกคน(ฎีกาที่
๓๘๖๙/๒๕๕๔) ในกรณีทรัพย์มรดก อาจต้องบอกกล่าวแก่ทายาททุกคน; แม้หลังจากนั้นจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกได้จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทมาเป็นของจำเลยในฐานะส่วนตัว
ก็จะถือว่าจำเลยในฐานะส่วนตัวได้เปลี่ยนเจตนาการครอบครองที่ดินพิพาทจากการครอบครองแทนทายาททุกคนมาเป็นการครอบครองในฐานะส่วนตัวเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวหาได้ไม่
เพราะจำเลยยังมิได้บอกกล่าวไปยังทายาททุกคนว่าไม่มีเจตนายึดถือทรัพย์มรดกแทนทายาททุกคนต่อไป
ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๘๑(ฎีกาที่ ๑๔๘๘๒/๒๕๕๘), ครั้งแรกที่ ล.
โอนที่ดินมรดกของ ท.
มาเป็นของตนในฐานะผู้จัดการมรดกเป็นการครอบครองทรัพย์มรดกแทนทายาทอื่นทุกคน
แม้จะมีการโอนที่ดินมรดกดังกล่าวมาเป็นของ ล. ในฐานะส่วนตัวแล้วก็ตาม
ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้เปลี่ยนเจตนาการครอบครองที่ดินมรดกแทนทายาททุกคนมาเป็นการครอบครองในฐานะส่วนตัวโดยเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวเพราะ
ล.
ยังมิได้บอกกล่าวไปยังทายาททุกคนว่าไม่มีเจตนายึดถือทรัพย์แทนทายาททุกคนต่อไปตาม
ป.พ.พ.มาตรา ๑๓๘๑(ฎีกาที่ ๘๒๘๖/๒๕๔๔),
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๓๘๑
บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครอง
บุคคลนั้นจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้
ก็แต่โดยบอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองต่อไป
หรือตนเองเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต อาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอก
0 Comments
แสดงความคิดเห็น