คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๙๒/๒๕๖๖
ข้อเท็จจริงตามคําฟ้องโจทก์บรรยายว่า
ผู้เสียหายทั้งเจ็ดต่างวิ่งหลบหนีได้ทัน กระสุนปืนจึงไม่ถูกผู้ใด
แต่ทางพิจารณาโจทก์นําสืบว่า
จําเลยใช้อาวุธปืนยิงไปที่กลุ่มผู้เสียหายทั้งเจ็ดซึ่งยืนรวมกันภายในบ้านในระยะใกล้มองเห็นชัดเจนเพราะเป็นประตูกระจก
โดยผู้เสียหายทั้งเจ็ดยืนมองดูการกระทำของจําเลยไม่ได้หลบหนีแตกต่างจากคําบรรยายฟ้อง
แต่ข้อแตกต่างนั้นเป็นเพียงรายละเอียดว่าขณะที่จําเลยใช้อาวุธปืนยิงไปที่กลุ่มผู้เสียหายทั้งเจ็ด
ผู้เสียหายทั้งเจ็ดต่างวิ่งหลบหนีหรือกําลังยืนรวมตัวกันอยู่ภายในบ้าน
ซึ่งไม่ใช่ข้อแตกต่างในสาระสำคัญและจําเลยมิได้หลงต่อสู้
ศาลจะลงโทษจําเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๙๒ วรรคสอง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๙๒ ห้ามมิให้พิพากษา หรือสั่ง
เกินคําขอหรือ ที่มิได้กล่าวในฟ้อง
ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดั่งที่กล่าวในฟ้อง
ให้ศาลยกฟ้องคดีนั้น
เว้นแต่ข้อแตกต่างนั้นมิใช่ในข้อสาระสำคัญและทั้งจําเลยมิได้หลงต่อสู้
ศาลจะลงโทษจําเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นก็ได้
ในกรณีที่ข้อแตกต่างนั้นเป็นเพียงรายละเอียด
เช่นเกี่ยวกับเวลาหรือสถานที่กระทำความผิดหรือต่างกันระหว่างการกระทำผิด
ฐานลักทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ฉ้อโกง โกงเจ้าหนี้ ยักยอก รับของโจร
และทำให้เสียทรัพย์ หรือต่างกันระหว่างการกระทำผิด โดยเจตนากับประมาท มิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญ
ทั้งมิให้ถือว่าข้อที่พิจารณาได้ความนั่นเป็นเรื่องเกินคําขอหรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
เว้นแต่จะปรากฏแก่ศาลว่าการที่ฟ้องผิดไปเป็นเหตุให้จําเลยหลงต่อสู้
แต่ทั้งนี้ศาลจะลงโทษจําเลยเกินอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่โจทก์ฟ้องไม่ได้
ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงบางข้อดังกล่าวในฟ้อง
และตามที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ
ห้ามมิให้ศาลลงโทษจําเลยในข้อเท็จจริงนั้น ๆ
ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องนั้นโจทก์สืบสม
แต่โจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด
ศาลมีอำนาจลงโทษจําเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้
ถ้าความผิดตามที่ฟ้องนั้นรวมการกระทำหลายอย่าง
แต่ละอย่างอาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง
ศาลจะลงโทษจําเลยในการกระทำผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่พิจารณาได้ความก็ได้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น