คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๒๗๐/๒๕๖๖
เมื่อพืชกัญชาไม่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท
๕ และไม่ใช่เครื่องมือเครื่องใช้ในการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.
๒๕๒๒ มาตรา ๑๐๒ ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา ๑๓๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒,
๓๓ จึงไม่อาจรับได้ ส่วนที่จําเลยฎีกาว่า
จําเลยมีอาวุธปืนของกลางซึ่งเป็นปืนแก๊ปเก่าเก็บไว้ในพื้นที่ที่จําเลยครอบครองอยู่อาศัย
มีไว้เพื่อป้องกันอันตราย ไม่เคยพกพาไปในเมืองหรือหมู่บ้านและขอให้รอการลงโทษ
เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษหรือการลงโทษของศาลอุทธรณ์
อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจําคุก จําเลย ๖ เดือน
และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคําพิพากษาศาลชั้นต้น
จึงเป็นการพิพากษาให้ลงโทษจําคุกจําเลยไม่เกิน ๕ ปี
คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา
๒๑๘ วรรคหนึ่ง คดีนี้เป็นคดีอาญาทั่วไปมิได้มีบทบัญญัติให้การฎีกาจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
เช่นนี้การฎีกาอยู่ในบังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา
๒๑๖ และตามมาตรา ๒๒๑
กําหนดให้จําเลยผู้ฎีกาต้องยื่นคําร้องพร้อมกับคําฟ้องฎีกาต่อศาลชั้นต้นขอให้ผู้พิพากษาคนใดคนหนึ่งซึ่งพิจารณา
หรือลงชื่อในคําพิพากษา
หรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จําเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
จําเลยยื่นคําร้องขอให้ศาลที่พิจารณาคดีนี้และศาลฎีกาอนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยมิได้ยื่นเป็นคําร้องขอให้ผู้พิพากษาตามมาตรา
๒๒๑ รับรองให้ฎีกา คําร้องขออนุญาตฎีกาของจําเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด
พ.ศ.๒๕๕๐
มาตรา ๑๘
ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งโดยมิชักช้า
และภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา ๑๖ และ มาตรา ๑๙
คําพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์เฉพาะการกระทำซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้เป็นที่สุด
คําพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในการกระทำกรรมอื่นซึ่งมิใช่ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดคู่ความอาจฎีกาได้ภายใต้บทบัญญัติว่าด้วยการฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๙
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาหรือมีคำสั่งในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามมาตรา ๑๘
วรรคหนึ่งแล้ว
คู่ความอาจยื่นคําขอโดยทำเป็นคําร้องไปพร้อมกับฎีกาต่อศาลฎีกาภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคําพิพากษาหรือคำสั่งของศาลนั้นให้คู่ความฝ่ายที่ขออนุญาตฎีกาฟัง
เพื่อขอให้
พิจารณารับฎีกาไว้วินิจฉัยก็ได้
เมื่อมีคําร้องขอตามวรรคหนึ่ง
ศาลฎีกาอาจพิจารณารับฎีกาในปัญหาเรื่องหนึ่งเรื่องใดไว้วินิจฉัยก็ได้
หากเห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรจะได้วินิจฉัย
คดีที่ศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับฎีกาไว้วินิจฉัย
ให้เป็นที่สุดตั้งแต่วันที่ได้อ่านหรือถือว่าได้อ่านคําพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์
หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคําขอ
ตลอดจนการพิจารณาและมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ฎีกาตามวรรคหนึ่ง
ให้เป็นไปตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ทั้งนี้
ในระเบียบดังกล่าวอย่างน้อยต้องระบุเงื่อนเวลาของการสั่งไม่อนุญาตที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อการปฏิบัติตามมาตรา
๒๖๒ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ระเบียบตามวรรคสี่
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น