คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๒๖/๒๕๖๗
ศาลชั้นต้นส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้จําเลยที่บ้านอันเป็นที่อยู่ของจําเลยตามฟ้องโดยวิธีปิดหมาย
มิใช่ภูมิลำเนาของจําเลย ซึ่งถูกจําคุกตามคําพิพากษาถึงที่สุดของศาลในขณะนั้น
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๗
เช่นนี้มิใช่กรณีส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จําเลยไม่ได้เพราะหาตัวไม่พบ หรือหลบหนี
หรือจงใจไม่รับสำเนาอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นจะส่งสํานวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาได้โดยไม่ต้องส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จําเลยก่อน
การส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จําเลยเป็นการไม่ชอบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๒๐๑ ศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีโดยมิได้มีการส่งสำเนาอุทธรณ์
ให้จําเลยเพื่อแก้นั้น จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา ๒๐๐
ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓
- การส่งสำเนาอุทธรณ์ไปยังที่อยู่ของจำเลยที่
๑ ตามที่ระบุในคำฟ้อง แม้ผู้รับจะมีอายุไม่ถึง ๒๐ ปี
อันจะทำให้รับฟังว่าเป็นการส่งไม่ชอบก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ ๑
ไม่อยู่ตามที่อยู่ดังกล่าวในช่วงที่มีการส่งสำเนาอุทธรณ์ และพบว่าจำเลยที่ ๑
ได้กระทำผิดในคดีอื่น กรณีจึงถือได้ว่า การส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยที่ ๑
ไม่ได้ เพราะหาตัวไม่พบ หรือหลบหนี หรือจงใจไม่รับสำเนาอุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ.
มาตรา ๒๐๑
ซึ่งกำหนดให้ศาลรีบส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อทำการพิจารณาพิพากษาต่อไป
การดำเนินกระบวนพิจารณาในส่วนของการส่งสำเนาอุทธรณ์จึงเป็นไปโดยชอบแล้ว(ฎีกาที่
๓๒๔๔/๒๕๖๓)
- ข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏว่าการส่งสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ให้แก่จำเลยนั้น
พนักงานเดินหมายได้นำสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ไปส่งให้แก่จำเลย ณ
ภูมิลำเนาของจำเลยซึ่งตรงตามภูมิลำเนาของจำเลยในคำฟ้องแต่ปรากฏจากรายงานการเดินหมายว่าไม่สามารถส่งหมายให้แก่จำเลยได้เนื่องจากไม่พบบ้านของจำเลย
ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ปิดประกาศหน้าศาล
กรณีเป็นเรื่องศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยไม่ได้เพราะหาตัวไม่พบ
แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้ปิดประกาศหน้าศาลก็เป็นคำสั่งที่เกินเลยไม่เป็นผลให้การส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยเป็นไปโดยชอบ
โดยปรากฏต่อมาว่าพนักงานเดินหมายนำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๔
ไปส่งให้แก่จำเลยกลับปรากฏจากรายงานเจ้าหน้าที่ว่าพบบ้านของจำเลยตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในฟ้องและส่งได้โดยมีผู้รับหมายนัดไว้แทน
ดังนั้น
การส่งสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ให้แก่จำเลยไม่ได้เนื่องจากหาบ้านของจำเลยไม่พบดังกล่าว
จึงถือไม่ได้ว่าเป็นเพราะหาตัวจำเลยไม่พบ หรือหลบหนี
หรือจงใจไม่รับสำเนาอุทธรณ์ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา ๒๐๑
ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๔
พิจารณาคดีโดยมิได้มีการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยเพื่อแก้นั้น ไม่ชอบด้วย
ป.วิ.อ. มาตรา ๒๐๐(ฎีกาที่ ๕๘๖๘/๒๕๕๗)
- ในการส่งสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ให้แก่จำเลย
พนักงานเดินหมายได้นำสำเนาอุทธรณ์ไปส่งให้จำเลยตรงตามภูมิลำเนาของจำเลยในฟ้องคือ
บ้านเลขที่ ๑๖๑ หมู่ ๑ ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
ตามบันทึกการส่งหมายระบุว่า "ไม่พบจำเลย ได้สอบถามผู้ใหญ่บ้าน หมู่ ๑ ตำบลนางรองแล้ว ได้ความว่า
ไม่มีชื่อจำเลยอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าวจึงนำหมายกลับคืน" ศาลชั้นต้นสั่งว่า
กรณีถือได้ว่าส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยไม่ได้เพราะหาตัวไม่พบตาม ป.วิ.อ. มาตรา
๒๐๑ จึงให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์ภาค ๓ เพื่อพิจารณาพิพากษา
ต่อมาศาลชั้นต้นได้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๓
ในหมายนัดระบุที่อยู่ของจำเลยคือ บ้านเลขที่ ๑๔๑ ถนนประดิษฐปานะ ตำบลนางรอง
อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยให้ส่งหมายทางไปรษณีย์ตอบรับ
ปรากฏว่าในใบตอบรับมีผู้อื่นรับหมายไว้แทน
นอกจากนี้เมื่อตรวจสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยตามที่ ส.
ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยปรากฏว่า จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ ๑๖๑/๑-๒
ถนนภักดีบริรักษ์ ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
สอดคล้องกับบันทึกคำรับสารภาพของจำเลยซึ่งอยู่ท้ายบันทึกการจับกุม
ทั้งบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาและบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาระบุว่า
จำเลยมีบ้านพักอยู่ถนนภักดีบริรักษ์ทั้งสิ้น การส่งสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ให้แก่จำเลยไม่ได้ด้วยเหตุผลว่าไม่มีชื่อจำเลยอยู่ในหมู่ที่
๑ ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
จึงถือไม่ได้ว่าเป็นเพราะหาตัวจำเลยไม่พบหรือหลบหนี
หรือจงใจไม่รับสำเนาอุทธรณ์ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา ๒๐๑
การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิจารณาคดีโดยมิได้มีการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยเพื่อแก้ไม่ชอบด้วย
ป.วิ.อ. มาตรา ๒๐๐(ฎีกาที่ ๑๓๕๔๗/๒๕๕๕)
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๒๐๐
ให้ศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งแก้ภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาอุทธรณ์
มาตรา ๒๐๑
เมื่อศาลส่งสำเนาอุทธรณ์แก่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้เพราะหาตัวไม่พบ หรือหลบหนี
หรือจงใจไม่รับสำเนาอุทธรณ์ หรือได้รับแก้อุทธรณ์แล้ว หรือพ้นกำหนดแก้อุทธรณ์แล้ว
ให้ศาลรีบส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อทำการพิจารณาพิพากษาต่อไป
0 Comments
แสดงความคิดเห็น